"หมอชลน่าน" ชี้ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติว่าทำกฎหมายลูกเสร็จต้องยุบสภา แต่เชื่อรัฐบาลกำลังง่อนแง่นส่ออยู่ไม่ครบเทอม กั๊กตอบ บิ๊กเนม พปชร. จ่อย้ายซบ

 

วันที่ 24 พ.ย. 2564 นายแพทย์ ชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง ที่จะต้องมีการยุบสภา หากร่าง ... ว่าด้วยเลือกตั้ง ส.ส. และ ร่าง ...ว่าด้วยพรรคการเมืองจัดทำแล้วเสร็จ แต่จะมีการยุบสภาเฉพาะมีเหตุจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารเห็นว่าจำเป็นคืนอำนาจให้ประชาชน กับเงื่อนไขส่วนใหญ่คือกรณีที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถไปด้วยกันได้ ที่มีความขัดแย้งไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหาร ที่จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเดินหน้าไปไม่ได้

นายแพทย์ชลน่าน ยังชี้ว่า เสถียรภาพของรัฐบาลผ่านการทำงานของฝ่ายบัญญัติค่อนข้างง่อนแง่น โดยอ้างถึงองค์ประชุมของสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่เปิดสมัยประชุม 1 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมหรือรักษาองค์ประชุมได้ และประธานในที่ประชุมก็จะสั่งปิดประชุมทุกครั้งที่องค์ประชุมหวิดล่ม ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการทำงานระบบเสียงข้างมากในสภามีปัญหา

ส่วนรัฐบาลจะสามารถประคองตัวได้จนครบเทอมหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของการบริหารจัดการของรัฐบาลเอง หากยังมีความง่อนแง่นก็เป็นที่น่าสังเกต ว่าอาจทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม ซึ่งหลังจากนี้จะมีกฎหมายสำคัญหลายฉบับจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา โดยเฉพาะกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ และย้ำว่า ให้ติดตามการทำหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ หากพรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างมาก ไม่พร้อมที่จะทำงาน ฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นการทำหน้าที่ที่ขาดความรับผิดชอบ

ส่วนประเด็นวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรี ฝ่ายค้านยืนยันนับแต่ การดำรงตำแหน่งนับแต่ปี 2557 ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในยุค คสช. ซึ่งจะครบวาระในวันที่ 24 สิงหาคมปี 2565 ซึ่งฝ่ายค้านเฝ้าดูอยู่ หลังจากนั้นฝ่ายค้านจะยื่น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ขณะที่กฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เห็นว่ายังต้องอยู่ตามกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครขั้นต้น หรือ ไพรมารีโหวต มาตรา 45 ซึ่งวิธีการที่กำหนดไว้ค่อนข้างเข้มข้น โดยเห็นว่าไม่จำเป็นที่ต้องมีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดทุกเขตเลือกตั้ง ซึ่งอาจปรับแก้กำหนดให้มีสาขาพรรคการเมืองในจังหวัด 1 สาขาแทนก็ได้

ส่วนการคำนวณ ..บัญชีรายชื่อตามสูตรของร่างพรรคเพื่อไทยนั้น ตรงกับร่างของ กกต. ที่เป็นไปตามมาตรา 91 ของร่างฉบับแก้ไขเพิ่มเติมระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ คิดคำนวณสัดส่วนผสมและชี้แจงพรรคร่วมฝ่ายค้านเปิดให้เป็นเอกสิทธิ์ในการยื่นเสนอร่างเพื่อให้มีความหลากหลาย ซึ่งวิธีคิดแต่ละพรรคอาจต่างกัน

กั๊กตอบ บิ๊กเนม พปชร. ย้ายซบพรรคเพื่อไทย แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการคัดสรรตามขั้นตอน

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวถึงการเตรียมพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า ขณะผู้บริหารพรรคดำเนินการคืบหน้าไปมาก เมื่อถามว่าจะมี “บิ๊กเนม” ที่ปัจจุบันอยู่พรรคพลังประชารัฐ อดีตเคยอยู่พรรคเพื่อไทย กลับมาสังกัดพรรคหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ไม่ติดว่าจะมีคนของพรรคพลังประชารัฐย้ายมาเพื่อไทย แต่ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของพรรคตามขั้นตอน แต่ส่วนตัวยังไม่มีใครมาพูดคุย หรือ มีสัญญาณนี้ เพราะกลไกของพรรคในการเฟ้นหาสมาชิกพรรค วางไว้ 21 โซน ทั่วประเทศ ทำหน้าที่เป็นแมวมอง โดยจะมี คณะทำงานกลั่นกรองและเข้าสู่กรรมการสรรหา ซึ่งตนเองเป็นประธานอยู่

โดย 21 โซนนี้จะแบ่งตามภาค เช่น ภาคเหนือ มี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าโซน กทม.มี นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เป็นหัวหน้าโซน ภาคกลาง มี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนา เป็นหัวหน้า

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าจะเป็นใครที่จะเข้ามาสังกัดพรรค ก็เข้าสู่กระบวนการตามปกติ ไม่ได้หมายความว่าบิ๊กเนมจะได้เป็นผู้สมัคร ส.ส. แต่ต้องดูว่ามีความประสงค์จะลงในเขตใด ยืนยันให้ความสำคัญกับ ส.ส.ในพื้นที่ก่อน แต่ละบริหารจัดการให้สอดคล้องเหมาะสม