เจ้าของโรงงานโดนไฟไหม้ย่านกิ่งแก้ว เผยไม่เคยมีคำพูดลอยแพพนักงาน เป็นเพียงการสื่อสารผิดพลาด ยันไม่เผาเอาเงินประกันแน่นอน หากต้องปิดกิจการ พร้อมจ่ายชดเชยตาม กม. 

 


วันที่ 21ต.ค.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบภายในโรงงาน ชื่อบริษัท วัฒนาฟุตแวร์ จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว 9 ข. ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังจากความร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ภายในอาคารลดลงเป็นปกติ ซึ่งทางสำนักงานอุตสาหกรรม จ.สมุทรปราการ ได้ออกหนังสือให้หยุดประกอบกิจการทั้งหมด มาปิดประกาศไว้ที่หน้าโรงงานตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

นายกิตติ จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการของโรงงาน เปิดเผยว่า จากข่าวที่มีพนักงานบางคนให้ข่าวว่า ทางโรงงานขอปิดกิจการ และ จ่ายค่าตอบแทนเพียงเดือนสุดท้ายเท่านั้น ขอชี้แจงว่า ไม่มีแนวคิดที่จะปิดโรงงาน สร้างธุรกิจนี้มาเพื่อค้าขายกว่า 30 ปี ดูแลพนักงานตามกฎหมายมาโดยตลอด จนพนักงานหลายต่อหลายคนอยู่กันมานานถึง 30-40 ปี แต่การช่วยเหลือต้องขอระยะเวลาให้ทางโรงงานรวบรวมข้อมูลในหลาย ๆ ด้าน เพื่อประเมินสถานการณ์ของทางโรงงานก่อน แต่อาจเป็นเพราะข้อความห่วงใยที่บอกผ่านเจ้าหน้าที่ไปถึงพนักงานว่า ตอนนี้โรงงานไฟไหม้ จึงต้องขอปิดก่อนให้ทุกคนกลับบ้านและจะจ่ายเงินเดือนของเดือนนี้ตามปกติ ส่วนเดือนถัดไปค่อยมาหารือกันใหม่อีกครั้ง จนมีพนักงานเพียงบางคนฟังไม่เข้าใจแล้วไปให้ข่าว แต่ถ้าถึงจุดที่ทางโรงงานไม่มีทางออก และต้องปิดกิจการจริง ๆ ขอยืนยันว่า จะชดเชยให้พนักงานทุกคนตามกฎหมายแน่นอน

ส่วนเรื่องมีกระแสข่าวว่า เผาเอาเงินประกันหรือไม่ จึงมีข่าวลือว่าพอโรงงานไฟไหม้ ก็แจ้งปิดโรงงานทันที ในเรื่องนี้ไม่มีความคิดในหัว สร้างธุรกิจนี้มาค้าขายและทุกวันนี้ ถึงจะมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ทางโรงงานของเราก็ยังมียอดขายเดือนละ 10 - 20 ล้านบาท ลดลงมาก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เดือนละกว่า 40 ล้านบาท หากโรงงานต้องหยุดกิจการยิ่งนานเท่าไร ทางโรงงานยิ่งขาดโอกาสทางการตลาดมากเท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีสารเคมีภายในโรงงานขณะเกิดเพลิงไหม้ ฟุ้งกระจายไปในอากาศนั้น ยืนยันว่า สารเคมีบางชนิดที่ใช้ในการผลิต อย่างเช่น ทินเนอร์ เป็นต้น ซึ่งมีปริมาณไม่มาก ทางโรงงานจัดซื้อมาเท่าที่ใช้ในการผลิต ไม่มีการสั่งมาเก็บสต๊อก และขณะเกิดเพลิงไหม้ และหลังเกิดเพลิงไหม้ ทางกรมควบคุมมลพิษได้มาตรวจวัด และมีผลรับรองออกมาแล้วว่าไม่เกินระดับอันตรายต่อสุขภาพ ทางโรงงานได้ทำประกันภัยไว้วงเงิน 142 ล้านบาท ซึ่งต้องเจ้าหน้าที่หลาย ๆ ฝ่ายเข้าตรวจสอบร่วมกัน เพื่อเป็นหลักฐานว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้มาจากสาเหตุใดกันแน่