ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ สั่งปิด 'สหฟาร์ม' หลังพบเเรงงานติดโควิด-19 กว่า 1,000 ราย จากการตรวจเชิงรุก คาดอาจทะลุถึง 3,000 ราย ระบุกว่า 90% ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มเเล้ว ยังติดเชื้อจนได้


วันที่ 24 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ซึ่งอยู่ในแคมป์คนงานของบริษัท โกลเด้นไลน์บิสซิเนส จำกัด (ในเครือสหฟาร์ม) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตไก่สดแช่แข็งเพื่อการส่งออก แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย ตั้งอยู่เลขที่ 99 หมู่ที่ 4 บ้านลำตะคล้อ ต.กันจุ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ และเป็นสถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมามากที่สุดใน จ.เพชรบูรณ์ 

นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า โรงงานแห่งนี้มีคนงานประมาณ 6,000 คน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการระวังป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี แต่ยังมีการติดเชื้อขึ้นมาจนได้ ทั้งนี้คนงานของโรงงานกว่าร้อยละ 90 ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มไปแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังสอบสวนโรค เพื่อหาสาเหตุการติดเชื้อดังกล่าว 

"หลังจากจังหวัดได้รับรายงานการติดเชื้อของคนงานในโรงงาน จึงสั่งให้มีการปิดโรงงานพร้อมทั้งระดมเจ้าหน้าที่ตรวจหาเชื้อเชิงรุก ขณะนี้สามารถตรวจไปแล้วกว่า 3,000 ราย พบว่ามีผู้ติดเชื้อกว่า 1,000 ราย  จึงได้สั่งให้มีการตั้งโรงพยาบาลสนามภายในบริษัท ขนาด 3,000 เตียง ซึ่งมีพื้นที่หลายพันไร่ เเละคาดว่าหากตรวจแรงงานทั้งหมดแล้ว อาจจะมีผู้ป่วยถึง 3,000 ราย แต่ถ้าหากมีผู้ติดเชื้อมากกว่านี้ เราพร้อมจะขยายโรงพยาบาลสนามออกไปได้อีกตามจำนวนผู้ติดเชื้อ"

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวต่อว่า จังหวัดจะอนุญาตให้ทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ เข้าไปรักษาภายในพื้นที่ของบริษัทฯ จะไม่มีการนำผู้ป่วยออกมาข้างนอกอย่างแน่นอน ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อทั้งหมดยังไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากได้รับการฉีดวัคซีนแล้วนั่นเอง นอกจากนั้น ยังได้ขอกำลังจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทหาร ตำรวจ ไปปิดทางเข้า-ออกของบริษัททุกเส้นทาง ไม่ให้มีการเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเด็ดขาด 

พร้อมกันนี้มีคำสั่งให้พื้นที่ใกล้เคียงบริษัท 3 หมู่บ้าน คือ บ้านหนองปล้อง หมู่ที่ 2 บ้านลำตะคร้อ หมู่ที่ 4 และบ้านลำตะคร้อเหนือ หมู่ที่ 15 ต.กันจุ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ให้ประชาชนรวมทั้งแรงงานต่างด้าวที่พักอยู่ในบริเวณดังกล่าว ห้ามออกจากที่พักโดยไม่จำเป็น ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.– 6 ส.ค. 2564 รวมทั้งประชาชนทั่วไปขอให้งดเว้นที่จะเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง