"นายกรัฐมนตรี" ตรวจความพร้อม รพ.สนามเอราวัณ2 บางกอกอารีนา ถามกลางวงโทร 1668 ทำไมไม่มีคนรับ สั่งกลาโหมนำรถทหารออกช่วยรับผู้ป่วยโควิด-19 บอกถ้าไม่พอใช้รถสิบล้อทหารขน! ยันไม่ขัดแย้ง "อนุทิน" ฉุนคนบิดเบือนดรามาครอบครัวติดโควิดสายไหม ลั่นอย่าให้มีกรณีแบบนี้อีก โต้ ศบค.ไม่ใช่ต้นตอการะบาด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะ ผอ.ศบค.ศปก. ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม เอราวัณ 2 สนามบางกอกอารีนา เขตหนองจอก เพื่อเตรียมรองรับผู้ป่วย โควิด-19 โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหาร กทม.ให้การต้อนรับ โดยทันทีที่เดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายสรุปความพร้อมในการรับผู้ป่วย รวมถึงดูระบบกล้องวงจรปิดในการเฝ้าดูแลผู้ป่วย

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า การทำงานในขณะนี้ ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนกำหนดการทำงานล่วงหน้า รองรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดในอนาคต พร้อมกำชับให้มีการประสานงานในส่วนของโรงพยาบาลสนามกับโรงพยาบาลอื่นๆ ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อ มีอาการป่วย หรือ จัดเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มสีเหลือง ให้มีความชัดเจนรวดเร็ว และมีความปลอดภัย ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ขณะเดียวกันได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม นำรถพยาบาล จากโรงพยาบาลทหาร และค่ายทหารต่างๆ ออกมาช่วยทำงานแก้ไขสถานการณ์ในขณะนี้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และกทม.ในขณะนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นปัญหาปัจจุบันนี้คือการให้บริการ ซึ่งวันนี้ถูกต่อว่ามาอย่างมากโดยเฉพาะปัญหาในการรับแจ้งผ่าน 1668 โดยตนให้คนโทรไปแต่กลับไม่มีคนรับ ซึ่งไม่ได้จับผิดแต่ไม่มีคนรับจริงๆมันเกิดอะไรขึ้น จึงต้องไปแก้ตรงนี้และตนจะให้กระทรวงกลาโหมช่วยด้วย ขณะเดียวกันต่อไปในเรื่องรถรับส่งผู้ป่วยตนทราบว่าโรงพยาบาลเอกชนไม่ค่อยอยากรับ เพราะเตียงเต็ม ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นรมว.กลาโหมได้สั่งการให้รวบรวมรถพยาบาลของทหาร จากโรงพยาบาลและค่ายทหารมารับส่งผู้ป่วยโควิด เพื่อไปร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ตนไม่ได้ต้องการเป็นพระเอกอยู่แล้ว

พร้อมระบุว่า "เมื่อวานนี้ผมไม่สบายใจอยู่อย่างเดียว ที่มีการออกข่าวผู้ป่วยที่อยู่หมู่บ้านที่สายไหมและมีการติดเชื้อโควิดทั้งบ้าน แล้วมีผู้นำเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์และบิดเบือน ผมไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก จะทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนรู้ว่า ถ้ามาแจ้งในจุดนี้ไม่ได้แล้วจะแจ้งอย่างไรต่อ เพราะบางทีมีประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึง และมาติดต่อผ่านโรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่ถามไปแล้วโรงพยาบาลก็ยังไม่ตอบจนต้องอยู่ในบ้านและติดเชื้อทั้งบ้าน ซึ่งเรื่องนี้ก็วนกลับมาที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหา"


ทั้งนี้กำชับให้บุคลากรแพทย์เฝ้าระวังตนเอง เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานได้ ดังนั้นจึงหวังว่าสิ่งที่ได้ช่วยเหลือกัน จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน ที่ได้ร่วมกันดูแลประชาชน ขณะเดียวกันคาดหวังว่าสถิติตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง ถ้าทุกคนร่วมมือกัน


นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียัง กล่าวว่า การระบาดครั้งนี้ ไม่ใช่ความบกพร่องของ ศบค. เป็นการทำงานร่วมกัน ของ นายกฯ และ รัฐมนตรี ซึ่งตนไปสั่งการในส่วนของกลาโหม หากมีปัญหาขึ้นมา ตนก็รับผิดชอบไม่ไหว วันนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่ทำให้ จนท. ทางการแพทย์ติดเชื้อโควิดเพิ่ม คนที่เข้ามาทำงานก็จะหายไปเรื่อยๆ ตนก็ขอให้กำลังหมอและพยาบาลทุกคนที่ทำงานหนัก เปรียบเหมือนการสู้รับกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น ไม่มีใครรู้ แต่ตนหวังว่าสิ่งที่เราทำวันนี้ จะเป็นสิ่งที่เกื้อหนุนให้การทำงานประสบความสำเร็จ ได้บุญกุศลดูแลประชาชนทั้งประเทศ ในเรื่องสาธารณสุข ซึ่งตนไม่เคยตำหนินายอนุทิน

“ผมไม่ได้มีอะไรสักนิด ไม่ได้ไปตำหนิอะไรเขาสักอย่าง ถามพี่หนูสิ ผมไม่เคยตำหนิเขาสักอย่าง ไม่เคยไปเล่นงาน คุยกันธรรมดา คุยกันทุกเรื่อง ขอให้ทุกคนอย่าขัดแย้งกันโดยเด็ดขาด ผมจะทำงานให้ท่านได้ ถ้าไม่ขัดแย้งกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวถึงกรณีข้อเสนอให้รัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนเข้ามาจำนวนมากๆ ว่า หากฉีดแล้ว เกิดอันตราย รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่บริษัท เพราะวัคซีนฉุกเฉิน เขาขายเพียงอย่างเดียว ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้เวลาตรวจสอบคุณภาพ


ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่ามีรถพยาบาลให้บริการเท่าใด พร้อมเสนอว่าถ้าไม่เพียงพอ จะให้นำรถพยาบาลของทหารเสนารักษ์มาช่วย ถ้ายังไม่เพียงพออีก ก็จะนำรถสิบล้อทหารมาช่วยด้วย