เหตุสลด ที่ไฟไหม้บ้านหรูย่านพุทธมณฑลสาย 3 ก่อนจะพังถล่มลงมา เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบ 20 ชั่วโมง สามารถกู้ร่างอาสาดับเพลิง และคนดูแลบ้านที่เสียชีวิตติดในซากอาคารออกมาได้ทั้งหมดแล้ว 5 ศพ

วินาทีสุดเศร้า ที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยหน่วยงานต่างๆ พากันตั้งแถว ส่งร่าง นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด หรือ โอ อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยหน่วยนครธน ที่ร่างคลุมธงชาติ ออกมาจากซากบ้านหรู 3 ชั้น ที่หมู่บ้านกฤษดานคร 31 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร หลังเกิดเหตุ พังถล่มลงมาตั้งแต่ช่วง 7 โมงเช้าวานนี้ สำหรับ นายสุทัศน์ ถือเป็นเจ้าหน้าที่คนที่สอง ที่พาร่างออกมาจากบ้านเกิดเหตุได้ เมื่อเวลาตี 1 ที่ผ่านมา หลังมีการยุติค้นหาผู้รอดชีวิต เมื่อเวลา 17 นาฬิกา 30 นาที เพราะเจ้าหน้าที่ ใช้เครื่องมือตรวจวัดจับสัญญาณชีพ และ ความเคลื่อนไหวภายในบ้านครั้งสุดท้าย และ ไม่พบ จึงเเน่ใจแล้วว่า ไม่มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่

สำหรับเหตุการณ์สลดนี้ เริ่มตั้งแต่ประมาณ ตี 5 ครึ่งวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า มีไฟโหมไหม้บ้านหรู เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร และ อาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ จึงระดมเข้าไปช่วยเหลือ เพราะทราบว่าในบ้านมีคนติดอยู่ทั้งหมด 8 คน เจ้าหน้าที่ ฉีดน้ำดับไฟจนสงบช่วยเหลือคนในบ้านออกมาได้ 7 คน  นายสุทัศน์ (เจ้าหน้าที่อาสาที่เสียชีวิต) ไปพบผู้หมดสติบริเวณห้องน้ำชั้นล่าง ด้านในสุด คือ นายสมเกียรติ แพนเตอร์สัน อายุ 35 ปี เป็นเลขาเจ้าของบ้าน จึงระดมกำลังเข้าไปช่วย จังหวะนั้น เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงดังลั่นของผนังปูน 2 ครั้ง จึงประกาศให้เจ้าหน้าที่รีบเก็บของออกมา แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพียงไม่กี่วินาที อาคารทั้งหลัง ได้ทรุดตัวถล่มลงมากองกับพื้น เจ้าหน้าที่ต่างพากันวิ่งหนีตายจ้าละหวั่น ทำให้มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย ได้รับบาดเจ็บหลายราย และ มีเจ้าหน้าที่ ซึ่งติดค้างอยู่ในซากอาคาร เสียชีวิต รวม 4 คน

ประกอบด้วย นายธนภพ ประไพ อายุ 44 ปี รายนี้ นำร่างออกมาได้ตั้งแต่ช่วงเช้า  ส่วนนายสมัญญา นิลธง อายุ 48 ปี และ นายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นน้าหลานกัน ได้เสียชีวิตคู่กันบริเวณด้านข้างของ ตัวบ้าน ยังไม่สามารถนำร่างออกมาได้ รายที่ 4 คือ นายสุทัศน์ ที่นำร่างออกมาได้ล่าสุด ส่วนศพที่ 5 คือ นายสมเกียรติ ผู้พักอาศัยในบ้าน ล่าสุดเมื่อเช้านี้สามารถนำศพออกมาจากซากอาคารได้แล้ว

นายพลกฤษณ์ เหลือพิสุทธิกุล อายุ 46 ปี พนักงานที่อยู่ในบ้านเกิดเหตุ บอกว่า บ้านนี้เป็นของ นายอดิสรณ์ โสภา นักธุรกิจ ระหว่างเกิดเหตุ นายอดิสรณ์ไม่อยู่บ้าน อยู่ที่ญี่ปุ่น ก่อนเกิดเหตุ มีคนพักอาศัยในบ้าน 8 คน ช่วงประมาณตี 5 ครึ่ง ตนเองได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงชะโงกไปดูหน้าบ้าน พบเปลวไฟลุกไหม้ป้อมยามเก่าหน้าบ้าน ที่ติดกับตัวบ้าน ซึ่งในป้อมยามมีปลั๊กเสียบปั๊มลมเพียงอย่างเดียว ไม่มีคนเฝ้า ก่อนที่ไฟจะลุกลามเข้าตัวบ้านอย่างรวดเร็ว จึงรีบพากันหนีออกมาและ แจ้งเจ้าหน้าที่ แต่นายสมเกียรติ หนีเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำชั้นล่าง ออกมาไม่ได้

นางนิตยา โกยทอง ภรรยาของ นายสมัญญา เปิดใจด้วยน้ำตาว่า ไม่คาดคิดเลยว่า สามีจะด่วนจากไป ปกติสามีและลูกจะออกไปทำงานดับเพลิงด้วยกัน สามีเป็นคนคุมเครื่องดับเพลิง ลูกชายเป็นคนถือหัวฉีดเข้าไปแต่ครั้งนี้ไม่ทราบว่า ทำไมสามีถึงเป็นคนเข้าไปด้านใน ช่วงเกิดเหตุตนฟังวิทยุสื่อสาร ได้ยินว่ามีเหตุอาคารถล่มและลูกก็พยายามเรียกหาพ่อผ่านวอ แต่พ่อไม่ตอบกลับ กระทั่งมาทราบว่าถูกอาคารถล่มทับ เสียชีวิตอยู่กับหลานด้านใน ที่ผ่านมา พยายามบอกว่า งานแบบนี้เสี่ยง แต่ด้วยความใจรักของสามีที่ทำมาเกือบ 30 ปี ก็ห้ามไม่ได้

ทางสำนักงานเขตทวีวัฒนา กำลังตรวจสอบใบขออนุญาต และการออกเลขบ้าน ว่าดำเนินการเมื่อไหร่ ปีไหน เท่าที่มีข้อมูล คือ บ้านหลังนี้มีอายุ 10 ปีขึ้นไป ส่วนเจ้าของบ้าน ทราบว่า ไม่ได้อยู่อาศัยที่บ้านหลังนี้ เพราะอยู่ต่างประเทศ แต่ได้ให้คนงานพักอาศัย โดยในบ้านได้ขายอุปกรณ์ว่ายน้ำ ชุดว่ายน้ำ และไม่พบข้อมูลต่อเติมบ้าน ส่วนสาเหตุถล่ม คงไม่ใช่บ้านเก่าอย่างเดียว อาจมีทั้ง เรื่องความร้อน การขยายตัวของเหล็ก น้ำหนักการฉีดน้ำ การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งยังต้องรอให้พิสูจน์หลักฐาน และ วิศกรมาตรวจสอบรายละเอียดก่อน และ ติดตามตัวเจ้าของบ้านมาสอบปากคำ

ส่วน พลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า หากตรวจสอบพบว่า บ้านไม่มีการขออนุญาต หรือ ก่อสร้างผิดแบบ จะดำเนินคดีกับวิศกรผู้ก่อสร้าง รวมถึงผู้รับเหมา ซึ่งอาจจะถูกแจ้งข้อหา "ก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต และ กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต  ส่วนเจ้าของบ้าน หากไม่มีการขออนุญาต ก็จะถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน

ด้าน นายอดิสรณ์ เจ้าของบ้าน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ผมต้องขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัว และพี่น้องกู้ภัย มา ณ ที่นี่ด้วย ผมได้รับผิดชอบในด้านการเป็นเจ้าภาพในพิธีทางศาสนาไปแล้ว และกำลังติดต่อประสานงานกับมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ในเรื่องอื่นๆอยู่ เพราะต้องรอรายละเอียดอีกหลายอย่าง และ บ้านที่เกิดเหตุ ตนเองไม่มีความรู้เรื่องก่อสร้าง แต่ยืนยันได้ว่า ไม่ได้ต่อเติมผิดแบบไปจากเดิมแน่นอน พร้อมโพสต์อาลัยถึงเลขาคู่ใจที่เสียชีวิต ว่าหลับให้สบายครับ ทอมมี่น้องรัก ทอมมี่เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ มาเป็นเลขาพี่เอ ตั้งแต่วิกฤตโควิด ทอมมี่ ขอลาออกหลายครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าทำอะไรให้พี่เอก็ขาดทุน แต่ดูจะมีความสุขหน่อยก็ตอนที่พี่เอส่งไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษและช่วยกันทำโครงการตู้ปันสุข ถ้าพี่เอรู้อนาคตจะเป็นแบบนี้คงจะปล่อยให้ทอมมี่ลาออกไปดูแลพ่อที่แก่มาก ไม่ต้องห่วงนะ พี่เอจะดูแลพ่อทอมมี่เอง

พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร บอกว่า การเยียวยา จะดูแลครอบครัวของเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เสียชีวิตทั้ง 4 คน อย่างดีที่สุด เพราะทั้ง 4 คน คือวีรบุรุษ เบื้องต้นครอบครัวผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ตามพ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากช่วยเหลือราชการ คือ ทายาทจะได้รับเงินชดเชย 30 เท่าของอัตราเงินเดือน ไม่เกิน 450,000 บาท และ ค่าจัดงานศพ 3 เท่าของอัตราเงินเดือน ไม่เกิน 45,000 บาท

ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้กำชับให้ ดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นกรณีพิเศษ พร้อมเยียวยาสภาพจิตใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง และ ดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างดี

ขณะที่คืบหน้าล่าสุดเช้านี้ เมื่อเวลา 08.20 น. นายจิรัฐฒิกร บรรจงกิจ ผู้ควบคุมหน่วยกู้ชีพบรรเทาสาธารณภัย ปอเต๊กตึ๊ง ได้ประกาศเสร็จสิ้นภารกิจ และยุติการค้นหา หลังกู้ร่างเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เสียชีวิตทั้งหมด 4 ราย ที่เหลือออกจากตัวอาคารหมดแล้วและรวมผู้เสียชีวิตอีก 1 ศพที่เป็นผู้ดูแลบ้าน สรุป รวมจำนวนผู้เสียชีวิตที่ติดในอาคารทั้งหมด 5 ราย

ศพรายที่ 1 เจอ เมื่อวาน ช่วงเวลา 13.50 น.ของเมื่อวาน (3 เม.ย. ) คือ นาย ธนภพ ประไพ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง

ศพรายที่ 2  เจอเวลา 01.05 น.วันนี้ นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งภรรยาเพิ่งคลอดลูกน้อย

ศพรายที่ 3-4 เวลา  06.45 น. นายสมัญญา นิลธง อายุ 48 ปี และ นายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ดับเพลิง

ศพรายที่ 5 เวลา 08.03 น. นายเกียรติ แพทเตอร์สัน อายุ 35 ปี ผู้ดูแลบ้าน

ซึ่งภรรยาของนายสมัญญา ก็ได้เปิดใจทั้งน้ำตาเมื่อเช้านี้อีกครั้งว่า ตนเองมารอศพตั้งแต่เมื่อวาน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เสียใจสุดๆ แต่ก็ดีใจที่นำศพสามีออกมาได้สำเร็จ และขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยนำร่างไร้วิญญาณของสามีออกมาได้ในที่สุด

นายจิรัฐฒิกร เผยว่า การปฏิบัติการตลอดทั้งคืนเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องระวังโครงสร้างและไฟที่อาจประทุขึ้นอีก อุปสรรคสำคัญคือพื้นที่เกิดภัยพิบัติถือเป็นพื้นที่เสี่ยง ขั้นตอนการปฏิบัติในครั้งนี้ถือเป็นการกู้ภัยระดับสากล แบ่งเป็นโซน A BC และ D เพื่อย่นระยะการค้นหา แต่อุปสรรคคืออาคารที่ยังมีไฟที่อาจจะลุกไหม้ได้ตลอด จึงต้องคอยระวัง อีกทั้งยังมีบ้านเรือนใกล้จุดดังกล่าว แต่ขณะนี้สามารถดำเนินงานจนแล้วเสร็จ และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดปลอดภัยดี ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิตทุกคนเปรียบเหมือนพี่น้อง ครูอาจารย์ที่คลุกคลีกันมา

ด้าน นายพรเลิศ เพ็ญพาส ผู้อำนวยการเขตทวีวัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้ประกาศเป็นพื้นที่อันตราย ห้ามเข้าใช้พื้นที่เด็ดขาด เบื้องต้นได้คุยกับตัวเเทนเจ้าของบ้าน เนื่องจากเจ้าของยังอยู่ต่างประเทศ ระบุว่าจะรีบรื้อถอนซากอาคารออกโดยเร็ว เเต่จะต้องไปทำเรื่องขอรื้อถอนที่เขตก่อน ในส่วนของอาคารนี้ เริ่มก่อสร้างปี 2554 สร้างเสร็จปี 2555 มีใบอนุญาตก่อสร้าง 3 ชั้น เเต่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่าในส่วนของการต่อเติมว่าผิดไปจากเเบบหรือไม่ คาดว่าจะตรวจสอบเเล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามตัวเเทนเจ้าของบ้านระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านละเเวกใกล้เคียงที่ได้รับความเสียหาย จะรับผิดชอบชดใช้ทั้งหมด

ขณะที่วันนี้ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย จะลงพื้นที่เกิดเหตุในช่วงบ่ายเพื่อตรวจสอบสาเหตุอาคารถล่มต่อไป

กู้ศพครบแล้ว "อาสากู้ภัย" ถูกอาคารไฟไหม้ถล่มทับ