หลังมีข่าวนางบวน โล่ห์สุวรรณ ร้องขอความช่วยเหลือหลังถูกเรียกเก็บเงินบำนาญย้อนหลัง 10 ปี เป็นเงิน 84,000 บาท เหตุซ้ำซ้อนบำนาญลูกชาย ล่าสุดโผล่อีกราย เป็นยายวัย 89 ปี ถูกเรียกเบี้ยคนชราคืนย้อนหลัง 1.2 แสนบาท

นางประมวล สังข์สนิท ลูกสาวคุณยายนางทิม สังข์สนิท อายุ 89 ปี ชาวบ้านใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เผยว่า แม่ได้รับรับเงินบำนาญพิเศษจากกรณีที่ลูกชาย ซึ่งที่เป็น ตชด. หายสาบสูญ ขณะปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกกองกำลังกระเหรี่ยงโจมตีฐาน เมื่อปี 2535 เป็นเงิน 1,800 บาท จากนั้นก็ปรับเพิ่มเป็นเดือนละ 5,000 , 6,000 , 9,000 และ 10,000 ต่อเดือน

ระหว่างนี้ในปี 2547 แม่ได้รับเบี้ยคนชราจากภาครัฐเป็นเงิน 500 บาทต่อเดือน และปรับเป็น 800 ต่อเนื่องมา 16 ปี กระทั่งวันที่ 23 มิถุนายน ได้รับหนังสือจากทาง อบต. แจ้งว่าขอเงินคืนผู้สูงอายุ ย้อนหลังจำนวน 121,800 บาท เพราะเป็นการจ่ายเงินซ้ำซ้อน จึงตกใจมาก

อยากถามว่าผ่านมาถึง 16 ปี ทำไมถึงเพิ่งรู้ว่าซ้ำซ้อน ความผิดพลาดไม่ได้อยู่ที่แม่ แล้วทำไมจะต้องมารับภาระตรงนี้ด้วย หากเป็นไปได้ก็อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบและช่วยเหลือ เพราะเดือดร้อนต้องผ่อนชำระเงินคืนเดือนละ 5,000 บาท

ด้านนางนัฐฐา โยธาพล ปลัด อบต.ลำไทรโยง ระบุว่า สาเหตุที่เพิ่งมีหนังสือไปเรียกเก็บเบี้ยผู้สูงอายุจากยายทิมคืน เนื่องจากทาง อบต. เพิ่งลิงค์ระบบข้อมูลกับกรมบัญชีกลางเมื่อต้นปี 2563 และต้องทำตามระเบียบ เพราะเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินหลวง ทั้งนี้ เห็นใจคุณยายและครอบครัว จึงเรียกมาพูดคุยตกลงกันว่าสามารถผ่อนจ่ายได้เท่าไหร่ โดยที่ทาง อบต. ไม่ได้เรียกเก็บดอกเบี้ยจากยายแม้แต่บาทเดียว

ส่วนที่ จ.นครราชสีมา เป็นยาย อายุ 73 ปี ชื่อนางประจวบ ผะดาวัลย์ อายุ 73 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลจอหอ หลังจากได้รับหนังสือขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นระยะเวลากว่า 11 ปี เป็นจำนวนเงิน 76,400 บาท และรวมดอกเบี้ยเป็นยอดจำนวน 77,737 บาท

ซึ่งนายมฤคินทร์ เขียนจอหอ ลูกชายของนางประจวบ ผู้ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เผยว่า ก่อนหน้านี้บิดาของตน คือ ร้อยตำรวจตรี สัมพันธ์ ผะดาวัลย์ รับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน และได้เสียชีวิตลงจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เมื่อปี 2515 ทำให้แม่ของตนได้รับเงินบำนาญพิเศษตั้งแต่นั้นมา

กระทั่งเมื่อช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือจากเทศบาลตำบลจอหอ ขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากแม่ตน ซึ่งปัจจุบันแม่ของตนต้องรักษาอาการป่วยที่ขา ขาขวาเดินไม่สะดวก ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันเวลาเดินตลอดเวลา และแม่ของตนมีรายได้จากเงินบำนาญพิเศษเพียงทางเดียว ไม่มีรายได้อย่างอื่น

ก่อนหน้านี้ตนได้เข้าไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลจอหอแล้ว แต่ทางเทศบาลขอเรียกเก็บเงินคืนในอัตราที่สูง โดยขอเรียกเก็บเงินคืน 3 เดือนแรก ในอัตราเดือนละ 18,000 บาท จากนั้นเดือนที่ 4 เรียกเก็บเงินในอัตราเดือนละ 1,100 บาท ซึ่งตนได้เจราจรขอผ่อนจ่ายเงินก้อนที่ต้องจ่ายคืน 3 เดือนแรก เพราะเป็นอัตราที่สูงเกินไป ครอบครัวของตนจ่ายคืนไม่ไหว แต่ทางเทศบาลไม่ยอม และได้ส่งเรื่องไปฟ้องศาลแขวงนครราชสีมา

นอกจากนี้ นายมฤคินทร์ ยังบอกอีกว่า ล่าสุดศาลแขวงนครราชสีมาได้มีหมายเรียกให้แม่ตน ในฐานะจำเลย ไปพบที่ศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งตนและแม่พร้อมจะเดินทางไปศาล เพื่อให้ศาลช่วยเป็นที่พึ่ง ไกล่เกลี่ยด้วยความเป็นธรรมให้กับครอบครัวตน 

ส่วนกรณีของยาย บวน โล่ห์สุวรรณ อายุ 89 ปี ที่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ มานานกว่า 10 ปี แล้วอยู่ ๆ มีหนังสือจากกรมบัญชีกลาง เรียกคืนเงินพร้อมดอกเบี้ย รวม 84,000 บาท เพราะ ซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญของลูกชาย ที่เป็นทหารนั้น

ล่าสุด นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ประสานมาหานางบวน ว่าจะขอเป็นคนจ่ายเงินที่กรมบัญชีกลาง แจ้งขอเงินคืนจำนวนเงิน 84,000 บาท แทนทั้งหมด

โดยจะจ่ายแทนเป็นรายเดือนตามที่ อบต.เจริญสุข ยื่นข้อเสนอ คือภายใน 1 ปี โดยจะจ่ายให้ในวันที่ 1 ของทุกเดือนจนกว่าจะครบจำนวนเงิน 84,000 บาท

หลังจากนางบวน ได้รับโทรศัพท์จากนายอัจฉริยะ ได้ยกมือไหว้ขอบคุณ ที่ช่วยเหลือ พร้อมอวยพรให้นายอัจฉริยะ เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ส่วนยายคงจะนอนหลับหลังจากนี้

ด้านนายทินกร วรนุช นายก อบต.เจริญสุข ออกมาระบุว่า ได้รับการประสานงานมาจากนายอัจฉริยะ จริง โดยจะจ่ายให้เป็นรายเดือนๆละ 7,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 84000 บาท ทั้งนี้นายอัจฉริยะ จะข้อทำหนังสือสัญญาบางฉบับ เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ

"อัจฉริยะ" ขอจ่ายเงินให้ยาย วัย 89 ปี