"ลุงพล" เลื่อนรับทราบข้อหาคดีครอบครองไม้หวงห้าม บอกไม่เครียดโดนหลายคดี พร้อมออกสเต็ปโชว์ลีลาเต้นสายย่อ หน้าบ้าน

ลุงพล ไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ รวมพลเหล่ายูทูบเบอร์ ออกสเต็ปโชว์ลีลาเต้นสายย่อ 3 เพลงรวด ไม่ว่าจะเป็นเพลง "มะล่องก่องแก่ง" แปลว่า เข้าไปยุ่ง วุ่นวาย หรือทำให้เกิดความรำคาญ ผลงานของพจน์ สายอินดี้ เพลงฝนเทลงมา ของการ์เน็ต สเลอปี้ และบักแตงโม ของวงฮันแนว

ลุงพลบอกว่า การโชว์ลีลาวันนี้ ต้องการแสดงออกว่า ตัวเองสบายใจ ไม่เครียด ไม่กังวล หลังถูกตำรวจเรียกให้มารับทราบข้อหา คดีครอบครองไม้หวงห้าม (ไม้มะค่าแต้) พร้อมระบุว่า โทรศัพท์ไปขอเลื่อนกับตำรวจแล้ว เพราะต้องการให้ทนายตั้ม เดินทางไปพบตำรวจด้วย

ส่วนจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ขอรอดูสำนวนและปรึกษากับทนายตั้มก่อน ยืนยันว่า ในพรุ่งนี้ 26 มกราคม จะยังนำทนายตั้มพร้อมทีมงาน และแพทย์นิติเวชเดินเท้าขึ้นภูเหล็กไฟ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในจุดพบศพน้องชมพู่

ล่าสุด มีการพบกล่องนมเปรี้ยว ส้ม และขนม บนภูเหล็กไฟในจุดที่พบศพน้องชมพู่ ซึ่งมีการปักธูปไว้ในลักษณะเครื่องเซ่นไหว้ ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตุหลายประเด็น ทั้งเรื่องการขอโชคลาภ และการทำพิธีบางอย่างเกี่ยวกับดวงวิญญาณ

จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครออกมาแสดงตัวเป็นเจ้าของเครื่องเซ่นไหว้บนภูเหล็กไฟ มีเพียงนางพิมพ์ประภา พงษ์ไพบูลย์ นางรำศาลแม่ตะเคียนบ้านลุงพล ที่ให้ข้อมูลว่า นำนมเปรี้ยว ขนม ตุ๊กตา และเสื้อผ้า ไปให้น้องชมพู่ แต่นำไปให้ที่โกศบรรจุอัฐิที่วัดถ้ำภูผาแอก เมื่อประมาณบ่าย 2 วันที่ 18 มกราคม

ยืนยันไม่ได้นำขึ้นไปให้บนภูเหล็กไฟ เพราะไม่ทราบพิกัดจุดพบศพน้องชมพู่ด้วยซ้ำ ส่วนสาเหตุที่นำไปให้ ก็เพราะได้โชคลาภระหว่างไปปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำภูผาแอก จึงซื้อข้าวของต่างๆ มาให้น้องชมพู่ ตามที่สัญญาไว้

ซึ่งเรื่องนี้ ตำรวจฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากยังไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ ที่สำคัญการนำสิ่งของไปเซ่นไหว้ในช่วงเวลานี้ก็ต้องถือว่า มีพิรุธ

ส่วนนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” พร้อมทีมงานเดินทาง มาถึงท่าอากาศยานสกลนครแล้ว และโผเข้ากอดกับลุงพลและป้าแต๋นที่มารอรับ

พร้อมระบุว่า ตามกำหนดการเดิมวันนี้ จะเข้าไปคุยกับลุงพลและป้าแต๋นที่หมู่บ้านกกกอก แต่ทราบว่า ทางสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ เนื่องจากมาจากสถานที่เสี่ยง จึงจะขอพูดคุยกับลุงพลในพื้นที่จังหวัดสกลนครก่อน เพื่อปรับแผนการดำเนินงาน

เมื่อถามว่า หากหมายจับออกก่อนวันวาเลนไทน์นี้ แล้วเป็นลุงพล จะทำอย่างไร นายษิทรา บอกว่า ตนเองก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเรื่องคดีให้ก่อน แม้ว่า จะอยากลงพื้นที่ค้นหาความจริง ก่อนจะรับทำคดีอย่างเต็มตัว

ส่วนกรณีที่ตำรวจใช้เวลากว่า 8 เดือน ในการรวบรวมพยานหลักฐาน นายษิทรา มองว่า เป็นเรื่องที่ดี แต่หลักฐานบางอย่าง เช่น กรณีที่ตำรวจบอกว่า ผมของน้องชมพู่ถูกตัด ส่วนตัวได้พูดคุยกับนักวิชาการแล้ว ยืนยันว่า ในประเทศไทยยังไม่มีเครื่องมือที่จะตรวจสอบหรือยืนยันได้ว่า เส้นผมถูกตัด หรือขาดเองโดยธรรมชาติ โดยนายษิทรา ระบุว่า สุดท้ายแล้วคนที่เป็นผู้ชี้ขาดว่า ใครทำผิด คือศาล

ขณะที่ลุงพล บอกว่า รู้สึกอุ่นใจที่มีนายษิทรามาเคียงข้าง คอยให้คำแนะนำ และยังเชื่อว่า คนร้ายที่ฆ่าน้องชมพู่ตัวจริง คงนอนไม่หลับ ส่วนตนเองยังไม่ขอระบุว่า เป็นคนใกล้ชิดหรือเป็นคนในหมู่บ้านหรือไม่ ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ

สุดท้ายอยากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำคดีนี้ ให้สามารถจับกุมคนร้ายได้เร็วที่สุด ส่วนกรณีที่คดีนี้ล่วงเลยมา 7-8 เดือนยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ นายไชย์พล เชื่อว่า การมาของนายษิทราครั้งนี้ จะทำให้คดีนี้กระจ่างขึ้น

ลุงพลบอกไม่เครียดโดนหลายคดี