พบเครื่องเซ่นปริศนา ถูกวางไหว้ที่จุดพบศพน้องชมพู่ บนภูเหล็กไฟ ขณะที่ จนท.อุทยานฯ เตือนห้ามเข้าพื้นที่จนกว่าคดีจะเสร็จ

ช่วงบ่ายวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินขึ้นภูเหล็กไฟอีกครั้ง เพื่อจะสำรวจเส้นทาง รวมไปถึงสภาพของป่าว่ามีความเปลี่ยนไปมากน้อยเท่าใด หลังจากเกิดเหตุมานานกว่า 8 เดือนแล้ว อีกทั้ง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ที่จะเดินทางมาที่บ้านกกกอก จังหวัดมุกดาหาร เพื่อพูดคุยเรื่องคดีความกับลุงพล และมีแนวโน้มว่าทนายตั้ม ก็จะเดินขึ้นสำรวจภูเหล็กไฟเช่นเดียวกัน ในวันอังคารนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าจะเป็นทนายประจำตัวลุงพลหรือไม่

โดยวันนี้ ทีมข่าวช่อง8 ได้ประสานเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ภูผายล เป็นผู้นำทางขึ้นไป จากการสำรวจ พบว่าภูเหล็กไฟนั้น ปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก มีสภาพเป็นป่าหญ้ารก และสูง กว่าช่วงแรกที่เกิดคดี และการขึ้นภูเหล็กไฟนี้ นอกจากนักข่าว เจ้าหน้าที่แล้ว ยังมี "เจ้าปลาส้ม" สัตว์เลี้ยงของน้องชมพู่ เดินขึ้นไปด้วย สำหรับเส้นทางที่ลาดชัน ทั้งหน้าผา โขดหิน ซึ่งแพทย์ที่ผ่าศพน้องชมพู่ และกุมารแพทย์ ต่างก็ออกมายืนยันว่า น้องชมพู่ไม่สามารถเดินไปจุดที่ พบศพด้วยตัวเองได้ เมื่อทีมข่าวและเจ้าหน้าที่เดินถึงจุดพบศพน้องชมพู่ กลับพบว่า มีบุคคลปริศนา นำ นมเปรี้ยว รสชาติที่น้องชมพู่ชอบดื่ม และส้ม 2 ผล และขนม1ห่อ มาจุดธูปบูชา คล้ายการมาเซ่นไหว้ หรือทำพิธีอะไรบางอย่าง

แต่ช่วงก่อนหน้านี้ ตำรวจ สภ.กกตูมและชุดสืบสวนจังหวัดมุกดาหาร ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ภูผายล ห้ามไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปยังจุดที่พบศพน้องชมพู่ จนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น แต่ปรากฎว่า ช่วงที่เกิดกระแสข่าวว่า ตำรวจจะจับคนร้ายคดีนี้ กลับมีคนแอบเอาของเซ่นไหว้ ขึ้นไปจุดพบศพ ซึ่งตำรวจจะมีการหารือว่าจะขึ้นไปเก็บหลักฐานของเซ่นไหว้นี้ไปตรวจสอบหรือไม่

นอกจากนี้ ทีมข่าวได้รับข้อมูล จากชาวบ้านว่า หลังจากเกิดคดีน้องชมพู่ ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นไปยังจุดพบศพอีกเลย แม้กระทั่งหาของป่า ก็จะไม่ไปที่จุดนั้น และมีรายงานว่า คนที่แอบขึ้นไปจุดพบศพน้องชมพู่ จะเป็นพวกหมอผี หรือมาทำพิธีอะไรบางอย่าง หรือไปแก้บน ตามที่เคยขอโชคน้องชมพู่ หรืออาจจะเป็นบุคคลต้องสงสัย เกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ โดยมีชาวบ้านบอก ว่า คนที่ไปทำพิธีนั้นอาจจะเป็นกลุ่มของนางรำ ที่ศาลเจ้าแม่โสรภี ซึ่งเคยไปบนขอโชคลาภจากน้องชมพู่และสำเร็จจึงนำมาไหว้ และยังทำพิธีนั่งสมาธิ ตรงจุดพบศพด้วย