ชายคลุ้มคลั่งทำร้ายแม่ตัวเองจนเสียชีวิต ก่อนจุดไฟเผาบ้าน พยามวิ่งหนี กระทั่งถูกวิสามัญดับ! เพื่อนบ้าน เผย ก่อนหน้านี้ เคยคลั่งจนแม่ต้องมานอนเพลิงขายของข้างถนน

จากกรณีตำรวจ วิสามัญนายนนทชัย จ้อยเจือ ชายคลุ้มคลั่ง ที่ก่อเหตุ ทำร้ายแม่ของตัวเองจนเสียชีวิต ก่อนจุดไฟเผาบ้านภายในชุมชนบางพรหม 54 เขตตลิ่งชัน กทม . ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง พร้อมด้วยตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลบางเสาธง เดินทางถึงที่เกิดเหตุ จนพบนายนนทชัย ชายคลุ้มคลั่ง วิ่งหนีออกมาพร้อมกับถืออาวุธมีดในมือและพยายามจะเข้าทำร้ายตำรวจ เจ้าหน้าหน้าที่จึงมีความจำเป็น ยิงปืน เพื่อเตือนและสกัด แต่นายนนทชัย พยายามวิ่งเข้ามาประชิดตัว ตำรวจจึงจำเป็นต้องวิสามัญ เพราะอาจเกิดความสูญเสียมากกว่านี้ เนื่องจากหลังรับแจ้งเหตุไฟไหม้ชาวบ้านได้แจ้งเหตุเพิ่มเติมว่าผู้ก่อเหตุได้ก่อเหตุทำร้ายแม่แท้แท้ของตัวเองจนเสียชีวิตและยังตัดลิ้นของผู้เป็นแม่ด้วย

นายธำรงค์ จ้อยเจือ อายุ 55 ปี น้องชายของนางสุรางค์รัตน์ จ้อยเจือ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุ นายนนทชัย หรือ โอ้ต ผู้ก่อเหตุ มีอาการคลุ้มคลั่ง หลังจากที่ชวนเพื่อนมามั่วสุมเสพยาที่บ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นก็ยกพระพุทธรูปเหนือศีรษะก่อนจะวิ่งออกไปบนถนนหน้าซอย แล้วไปนอนให้รถเหยียบ พร้อมร้องห่มร้องไห้ ญาติจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่านายโอ้ตเกิดอาการคลุ้มคลั่งอีกแล้ว ซึ่งตัวเองเป็นคนที่บอกให้ชาวบ้านแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเพราะเห็นควันออกมาจากบ้านพี่สาว และตัวเองยังเข้าไปดูที่บ้านเห็นพี่สาวนอนเสียชีวิตอยู่ด้วย ยังพูดกับหลานชายที่เป็นคนก่อเหตุว่า "ฆ่าแม่ตัวเองทำไม" หลานชายยังตอบว่า "ไม่ใช่แม่กู" ย้ำอยู่ 2 ครั้ง สอดคล้องกับก่อนหน้านี้ ที่เห็นพฤติกรรมของหลานชายมักมีอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติด

ด้านหลานสาวของนางสุรางค์รัตน์ ผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้เคยให้นายนนทชัย ไปเข้ารับการบำบัด แล้วเคยแจ้งความไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยได้รับความร่วมมือ และก่อนหน้านี้ยังเคยทำร้ายครอบครัวของตัวเองมาแล้วหลายครั้ง ยอมรับเป็นน้าสาว เพราะนายนนทชัยมีอาการคลุ้มคลั่งบ่อยครั้ง สอดคล้องกับชาวบ้านที่เป็นเพื่อนของนางสุรางค์รัตน์ เคยเล่าว่าถูกลูกชายพยายามทำร้ายและกล่าวหาว่าเป็นปอบ ทำให้นางสุรางค์รัตน์เคยต้องออกมานอนริมถนน แต่ด้วยความที่รักลูกชาย จึงไม่เคยแจ้งความหรือส่งไปบำบัดรักษาอาการป่วยทางจิต เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากนางสุรางรัตน์เอาข้าวไปให้ที่บ้าน

ด้านพลตำรวจโทภคพงษ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า จากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่วิสามัญผู้ก่อเหตุ กระทำไปตามหลักการเข้าระงับเหตุ เนื่องจากผู้ก่อเหตุพยายามเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ได้ยิงปืนเพื่อสกัดก่อนแล้ว ส่วนสาเหตุก่อเหตุครั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกิดจากการคลุ้มคลั่งจากยาเสพติดหรือจากอาการทางจิต ขณะที่ได้รับรายงานว่าผู้ก่อเหตุใช้อาวุธจี้ชิงทรัพย์และตัดสินจำคุกเพิ่งพ้นโทษมาปี 2559 และเคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน แต่ครั้งนี้ยังไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเสพยาเคนมผงที่กำลังระบาดขณะนี้