"ศรีสุวรรณ" ร้องผู้ตรวจการฯ สอบมาตรการรัฐบาล แก้ปัญหาโควิด-19 เอื้อนายทุนหรือไม่ สงสัยปมปิดตลาดแต่ไม่ปิดห้าง ทั้งที่เสี่ยงกว่า

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยขอให้ตรวจสอบมาตรการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19

เนื่องจากมีมาตรการที่เข้มงวดต่อตลาดสดและตลาดนัดตามชุมชนต่างๆ แต่ไม่ได้เข้มงวดต่อห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่มีระบบแอร์ตลอดเวลาและเป็นสถานที่ปิด เป็นความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า จึงมองว่า การดำเนินนโยบายป้องกันดังกล่าวของรัฐ เป็นการเอื้อกลุ่มทุน แต่ทุบผู้ประกอบการรายย่อย เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีข้อพิรุธเป็นที่ผิดสังเกต ที่ก่อให้เกิดความคลางแคลงใจอีกอย่าง อาทิ กรณีเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้ก่อสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ส่งมอบให้กับทางราชการมาตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2563 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน น่าจะเกือบ 30 ล้านชิ้นแล้ว

แต่หน้ากากดังกล่าวหายไปไหน ทำไมคนไทยยังต้องวิ่งซื้อหามาใช้อย่างยากลำบาก มีหน่วยงานใดยักยอกไว้ใช้ โดยไม่นำมาแจกจ่ายให้ประชาชนหรือไม่ หรือว่า โรงงานไม่ได้ผลิตตามที่โฆษณาไว้จริง หรือมีการลักลอบนำเอาหน้ากากไปซื้อขายกันในตลาดมืด

อีกทั้งยังมีกรณีการนำวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาฉีดให้คนไทยอย่างล่าช้า ทั้งๆที่ประเทศอื่นๆในภูมิภาค นำมาใช้ฉีดให้กับพลเมืองของตนนานแล้ว เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และล่าสุด ประเทศที่เล็กและด้อยกว่าไทยก็ ยังนำวัคซีนมาใช้แล้ว คือ ลาว

แต่สำหรับประเทศไทย โฆษณาชวนเชื่อมานานแล้วว่า จะซื้อวัคซีน จาก บ.แอสตราเซเนกา (ไทย-อังกฤษ) ซึ่งใช้สูตรยาและเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ร่วมกับ บ.แอสตราเซเนกา ซึ่ง บ.สยามไบโอไซเอนซ์จะเป็นผู้ผลิต และจะเริ่มนำมาใช้ประมาณ พ.ค.-มิ.ย.64 นี้ เป็นต้นไปจนครบ 26 ล้านโดส ซึ่งถือว่า ล่าช้ามาก