สธ.ชี้หญิงสิงห์บุรีติดโควิด เหตุเพราะใส่หน้ากากอนามัยไว้ใต้คาง อยู่ร่วมพื้นที่กับผู้ป่วยในสนามบิน

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระดับนานาชาติ ยังน่าเป็นห่วง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุโรป อเมริกา และบางประเทศในเอเชีย ส่วนประเทศไทยยังเป็นประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้ดี

ส่วนความก้าวหน้าในการสอบสวนโรคโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา สรุปล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ธ.ค.มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระบบรวม 38 ราย ใน 7 จังหวัด ในจำนวนนี้ มีเพียง 2 คนที่เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ คือชาย (สาวประเภทสอง) อายุ 28 ที่จังหวัดเชียงราย และหญิงอายุ 51 ปี ที่สิงห์บุรี แต่ทั้ง 2 คน มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มาจากท่าขี้เหล็ก เมียนมา ส่วนอีก 20 ใน 38 ราย อยู่ตรวจพบอยู่ในสถานที่กักกันโรคที่ทางรัฐจัดให้ ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้

ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรคเพิ่มเติม ในกรณีหญิงอายุ 51 ปี ที่สิงห์บุรี สรุปล่าสุด มีผู้สัมผัสทั้งหมด 55 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 37 ราย ตรวจแล้ว 32 ราย ไม่พบเชื้อ ส่วนอีก 5 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ ส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ไปติดต่อ  เพื่อนบ้าน รวมทั้งร้านตัดเสื้อ ซึ่งอยู่ในการเฝ้าระวังสังเกตอาการต่อให้ครบ 14 วัน

ส่วนผู้สัมผัสเสียงต่ำที่สนามบิน ที่โรงแรม และที่โรงพยาบาล 2 แห่ง ที่มีการไปตรวจรักษาในช่วงก่อนหน้าที่จะตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดนี้ได้มีการติดตาม และอยู่ในการรอสังเกตอาการเช่นเดียวกันจนครบ 14 วัน

ส่วนสถานที่ที่คาดว่า น่าจะติดเชื้อนั้น มีการตรวจกล้องวงจนปิด ที่สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย พบว่า มีช่วงหนึ่งระหว่างรอขึ้นเครื่อง ผู้ป่วยสิงห์บุรี ผู้ป่วยจากจังหวัดพิจิตร และผู้ป่วย กทม. อยู่ในบริเวณเดียวกัน และมีการสวมหน้ากากอนามัยไม่ถูกต้อง โดยหน้ากากตกลงมาอยู่ใต้จมูกและปาก

ส่วนผลการสอบสวนโรคเพิ่มเติมชาย (สาวประเภทสอง) อายุ 30 ปี และหญิงอายุ 26 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกันเดินทางกลับมาจากท่าขี้เหล็กและอยู่ระหว่างรักษาตัวที่ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน ซึ่งมีการแถลงไทม์ไลน์ไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.นั้น จากการสอบสวนโรคมีความคืบหน้าเพิ่มเติมว่า พบผู้สัมผัสทั้งหมด 91 ราย เป็นผู้เสี่ยงสูง 22 ราย อยู่ในชุมชน 10 ราย อยู่ที่ อ.แม่สาย เชียงราย 2 ราย ตรวจแล้ว 1 รายไม่พบเชื้อฯ อีก1 ราย รอผลตรวจ, คนในครอบครัวที่ จ.ปทุมธานี 1 รายรอผลตรวจ อยู่ในโรงแรมในกรุงเทพฯ 7 ราย ทราบชื่อทั้งหมดให้กักตัวสังเกตอาการรอการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีคนขับแท็กซี่ที่เชียงราย อยู่ระหว่างติดตาม ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 69 ราย อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังไปจนครบ 14 วัน ระหว่างนี้ ใครมีอาการจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อ ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย อ้างข้อมูลวงในระบุว่า หญิงอายุ 26 ปี มีการพักโรงแรมย่านลาดพร้าว และเข้ามาในพื้นที่การชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา บริเวณห้าแยกลาดพร้าวนั้น ตรวจสอบแล้วไม่พบว่า มีความเชื่อมโยงกับสถานที่ชุมนุม โรงแรมที่พักก็ไม่ได้อยู่ย่านลาดพร้าว

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงความพร้อมทางด้านสาธารณสุขว่า หากมีการระบาด กระทรวงสาธารณสุขและเครือข่าย รพ.กองทัพ เอกชน และมหาวิทยาลัย ถือว่า มีความพร้อม หากใน กทม.และปริมณฑล คนไข้ติดเชื้อสามารถรองรับได้ 230-400 รายต่อวัน ทั้งประเทศรับได้ 1,000-1,700 รายต่อวัน ขณะที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ 60 เตียง และสามารถขยายไป รพ.รอบนอกได้อีก 300 เตียง

ส่วนที่เชียงใหม่เตรียมไว้มากกว่า 120 เตียง จ.ตาก อีกมากว่า 120 เตียง ส่วนที่มีข่าวลือว่าชายอายุ 70 ปีที่แม่สอด จ.ตาก ติดโควิดเสียชีวิตนั้น ยืนยันว่า ไม่จริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษา ใส่ท่อหายใจ ให้ยา รักษาประคับประคอง อาการดีข้นแล้ว ไม่นานออกไปอยู่ห้องปกติได้