จากการที่ฝนตกติดต่อกันจนถึงปัจจุบันทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน 7 จังหวัดภาคใต้ขณะนี้คือ สุราษฎร์ธานี , นครศรีธรรมราช , พัทลุง , ตรัง , สงขลา , ปัตตานี และนราธิวาส

พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากระดับน้ำที่ยังคงสูงขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่นครศรีธรรมราช กำชับ กองทัพภาคที่ 4 ช่วยดูแลประชาชนให้ปลอดภัย และคลี่คลายสถานการณ์ตามแผนการช่วยเหลือ ร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัด และตามที่นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีบัญชา
โดยที่ จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำท่วมสูงเกือบทุกอำเภอ กองทัพภาคที่4 ได้เข้าสำรวจเส้นทางและช่วยเหลือประชาชนทันที ซึ่งพลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่4 ได้บินสำรวจสภาพน้ำและสั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ 8 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เข้าช่วยประชาชนเร่งด่วนให้ทันต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีถนนเส้นทางหลักในจังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกตัดขาด 7 สาย

ล่าสุดตั้งแต่ช่วงกลางวันจนถึงตลอดคืนที่ผ่านมา กำลังทหารจาก กรมทหารราบที่ 15 , กรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 และมณฑลทหารบกที่ 41 ได้เร่งอพยพประชาชนจากพื้นที่ต่างๆไปยังสถานที่ที่ทางจังหวัดเตรียมไว้ ช่วยขนย้ายสิ่งของตามบ้านเรือนโรงเรียน ขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงไปยังโรงพยาบาล รับส่งประชาชนที่ติดค้างที่ท่าอากาศยาน

โดยงานเร่งด่วนคือการจัดรถครัวสนามและเร่งอพยพผู้คนที่ยังติดค้างมายังศูนย์อพยพโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายใน 7 วัน ขณะเดียวกันได้จัดกำลังทหารเข้าสนับสนุน ส่วนราชการท้องถิ่น ในการดูแลประชาชน ณ ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาลวัดท่าโพธิ์ อ.เมือง โดยทุกภาคส่วนได้ร่วมกันมอบอาหารเครื่องดื่มสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นเบื้องต้นให้กับผู้อพยพที่เดินทางมาอาศัยพักพิงชั่วคราว ประมาณ 60 ครัวเรือน จำนวน 230 คน และคาดว่าจะมีผู้อพยพเข้ามาอีก 160 ครัวเรือนประมาณ 700 คนในเขตเทศบาล นอกจากนี้ที่ อ.ทุ่งสง มีนำ้ป่าไหลหลากเป็นวงกว้างซึ่งกองบัญชาการช่วยรบที่ 4 ได้เข้าช่วยประชาชนแล้วเช่นกัน จ.สงขลา มณฑลทหารบกที่ 42 เข้าช่วยขนย้ายคนและสิ่งของ พร้อมนำ นศท.จิตอาสา ช่วยกันบรรจุกระสอบทราย เพื่อนำไปแจกจ่ายใหักับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเขต อ.เมือง

ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานี มวลน้ำหนุนเข้าท่วมในพื้นที่ ประกอบกับฝนตกหนักส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขัง 30 - 120 ซม. มณฑลทหารบกที่ 45 จัดกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ ช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และขนย้ายปศุสัตว์ ในพื้นที่ ต.ทุ่งเตา อ.บ้านนาสาร ขณะที่ ร.25 พัน.3 จัดกำลังพล ยานพาหนะ ช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เเละอพยพประชาชนที่ ต.ท่าเคย อ.ท่าฉาง ซึ่งมวลน้ำได้เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ฝนในพื้นที่ยังคงตกหนักและได้รับอิทธิพลน้ำหนุนมาจากพื้นที่ใกล้เคียง โดยคาดว่าภายใน 2 วันนี้ น้ำยังคงเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง

ในภาพรวม เนื่องจากในห้วงพฤศจิกายน-ธันวาคม ภาคใต้จะเกิดมรสุมประจำทุกปี ที่ผ่านมาจากการเตรียมความพร้อมบรรเทาอุทกภัย ช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบไว้ก่อนหน้าของกองทัพภาคที่ 4 และได้มีการแบ่งมอบพื้นที่อย่างชัดเจน รวมถึงประสานการปฏิบัติกับทางจังหวัด ทางอำเภอ ติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลใกล้ชิด เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทุกส่วนมีความพร้อมเข้าดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 หมายเลขโทรศัพท์ 075-383405 ตลอด 24 ชั่วโมง