ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดข้อกฎหมาย "ใส่ไพรเวตไปเรียน" ครูไม่มีสิทธิ์ห้ามเข้าเรียน

วันนี้ (1 ธ.ค. 2563) เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โดยก่อนหน้านี้มีกลุ่มนักเรียนเลว และเพจเฟซบุ๊กภาคีนักเรียน KKC ประกาศเชิญชวนนักเรียนให้แต่งชุดไพรเวตไปโรงเรียนจนกลายเป็นกระแสโด่งดังที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในช่วงนี้

สำหรับกรณีดังกล่าวทางเพจเฟซบุ๊ก "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" ได้ให้ข้อมูลถึงกฎระเบียบที่บังคับให้นักเรียนต้องใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียน และหากไม่ใส่ชุดนักเรียนจะมีบทลงโทษ หรือครูผู้สอนสามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง

โดยระบุว่า ปัจจุบันมี "พ.ร.บ.เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551" มาตรา 5 กำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบนักเรียน กระทรวงศึกษาธิการ ยังได้ออก "ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551" ซึ่งกำหนดรายละเอียดเครื่องแบบตามระดับและประเภทการศึกษา แต่ก็เปิดช่องให้สถานศึกษาขอใช้เครื่องแบบเป็นอย่างอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ได้

ขณะเดียวกัน ระเบียบดังกล่าวกำหนดให้สถานศึกษาสามารถพิจารณาโทษทางวินัยตามระเบียบกระทรวงศึกษา ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษากับนักเรียนที่ไม่แต่งเครื่องแบบโดยไม่ได้รับการยกเว้นตามระเบียบนี้

โดย "ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ.2548" กำหนดโทษที่สถานศึกษาจะลงโทษนักเรียนที่ประพฤติฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับไว้ 4 สถาน คือ ว่ากล่าวตักเตือน, ทำทัณฑ์บน, ตัดคะแนนประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ดังนั้น หากครูเห็นว่าการไม่แต่งเครื่องแบบนักเรียนเป็นการฝ่าฝืนระเบียบก็ลงโทษนักเรียนได้เพียง 4 สถานนี้เท่านั้น ไม่อาจกระทำการอย่างอื่น เช่น ห้ามเข้าเรียน ยึดหรือตรวจค้นทรัพย์สิน ตีหรือทำร้ายร่างกาย ซึ่งหากกระทำเช่นนั้น ย่อมถือว่าเป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายและอาจมีความรับผิดตามมาได้

อย่างไรก็ตาม ข้อท้าทายสำหรับกระทรวงศึกษาฯ และครู คือ การรณรงค์แต่งชุดไพรเวตในวันเปิดภาคเรียนที่จะเกิดขึ้นนี้เป็น “การกระทำความผิด” จริงหรือไม่ จำเป็นต้องมี “การลงโทษ” หรือไม่ ในเมื่อการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นไปเพื่อการตั้งคำถามถึงเป้าหมายของการจัดการศึกษา และเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของบุคคล ซึ่งรวมถึงของนักเรียน มิใช่เป็นการประพฤติชั่วซึ่งต้องสั่งสอนให้สำนึกรู้ในความผิดแต่อย่างใด