"ชัยวุฒิ" ชง 5 ทางออกให้นายกฯ แต่หนุนอยู่เฉยๆ อดทนดีที่สุด และดึงคนเห็นต่างเป็นพวก เพราะเชื่อ ลาออก-ยุบสภา-รัฐประหาร ปัญหาก็ไม่จบ ขณะก้าวไกล ประท้วงแทน "นายกฯ" กลัวคนเข้าใจผิดว่า เป็น"หมา" หลัง "ชัยวุฒิ" ซัดเบื้องหลังกลุ่มชุมนุมจ้องเจ้าของหมา

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.จังหวัดสิงห์บุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้อภิปรายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เกิดการชุมนุมครั้งนี้ คือ  1.โซเซียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างชาติ ที่เราควบคุมไม่ได้ วันนี้ถึงเวลาหรือยัง ที่เราต้องเอาอำนาจอธิปไตย ทางการสื่อสารกลับมาเป็นของคนไทย เราจะปล่อยให้คนต่างชาติ เอาโซเซียลมีเดียมาทำร้ายคนไทยไม่ได้

2. เงินทุน ทุกการเคลื่อนไหวมวลชนต้องใช้เงิน เงินมาจากไหน จากต่างชาติใช่หรือไม่ คงไม่ใช้ผู้หวังดีกับบ้านเมือง

และ 3. นักการเมืองบางกลุ่มใช้กระแสเรื่องนี้ ในการเข้าสู่อำนาจ ใช้ทั้งสร้างคะแนนนิยม สร้างมวลชน พวกเราทราบกันดีว่า เป้าหมายของเขา ไม่ได้อยากเป็นแค่นายกรัฐมนตรี อยากเป็นอะไรที่มากกว่านั้น วันนี้ชื่นชมกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ออกมา เพราะพวกเขามองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง แต่มีนักการเมืองบางกลุ่มไปหยิบยื่นความคิดให้ ว่าเขากำลังมีอนาคตที่ดี และจะมีอนาคตใหม่ แต่ต้องเปลื่ยนแปลงการปกครองก่อน เพราะมีอย่างกดทับอยู่

ทำให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นใช้สิทธิประท้วง เนื่องจากมองว่าการอภิปรายของนายชัยวุฒิ ใส่ร้ายผู้ชุมนุม ว่ารับเงินจากต่างประเทศ และมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง และต้องการเปลื่ยนแปลงระบอบการปกครอง ซึ่งอดีตนายกฯ คนหนึ่ง จะเปลื่ยนเป็นการปกครองเป็นระบอบประธานธิปดี จนถูกล้อมปราบ และครั้งนี้ก็มีการใส่พูดในลักษณะนี้อีก โดยพูดถึงอนาคตใหม่ ถึง 2 ครั้ง หมายความว่าอย่างไร จึงอยากให้ผู้อภิปรายถอนคำพูด

จากนายชัยวุฒิ ได้อภิปรายต่อ โดยยืนยันว่า ไม่กล่าวหาว่าพรรคอนาคตใหม่ แต่เพียงบอกว่า มีพรรคการเมือง ซึ่งเป็นใครตนไม่รู้ พยายามฝังความคิดเรื่องการเปลื่ยนแปลงการปกครองให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งคนไทยทั้งประเทศรู้

ทั้งนี้ ตนจึงมีข้อเสนอให้รัฐบาล 5 ทางเลือก 1 นายกรัฐมนตรี ลาออก. ตามข้อเสนอของผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นการยอมรับสิ่งที่คนรุ่นใหม่เสนอ ยอมให้มีการเปลื่ยนแปลง เพราะเขาไม่ได้ต้องการแค่ให้นายกฯ ลาออก “เขาไม่ได้ทะเลาะกับหมา เขาทะเลาะกับเจ้าของหมาใช่หรือไม่ครับ” เพราะฉะนั้นหากนายกฯ ลาออก ปัญหาก็ไม่จบ และหากพลเอกประยุทธ์ ลาออก ก็ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คำถามคือ ใครจะเป็น

จากนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงทันที มองว่าใช้คำไม่เหมาะสม เพราะคนฟังจะรู้ทันที เป็นการเปรียบเทียบนายกฯ เป็นหมา ขอให้ถอนคำว่าหมา ออกจากที่ประชุม เพื่อให้เกียรตินายกรัฐมนตรี ทำให้นายชวน บอกว่าไม่เป็นไร หากนายกฯ ไม่ประท้วง ก็ถือว่าไม่เป็นไร ซึ่งในขณะนั้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้นั่งอยู่ในห้องประชุม

ต่อมานายชัยวุฒิ อภิปรายต่อ เสนอแนวทางที่ 2 คือ ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน และท้าให้กลุ่มเยาวชนไปเลือก ส.ส.ที่ตนเองต้องการให้ได้ 375 เสียงในสภาผู้แทนราษฏร ท่านถึงจะเปลื่ยนแปลงได้ แต่สุดท้ายก็จะถูกประชาชนที่สวมเสื้อเหลืองมาประท้วงอีก ก็ไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นการยุบสภา เป็นเพียงการยื้อเวลาในการต่อสู้ ซึ่งตนไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้

ส่วนข้อที่ 3 คือการยืดอำนาจ พลเอกประยุทธ์ ก็ยืดอำนาจตัวเองได้ ใครไม่กลับจากการชุมนุมให้มาปรับทัศนะคติ จากนั้นร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่เป็นฉบับของประชาชน ซึ่งถือว่าคุณูปการหนึ่ง ในการยิดอำนาจ แต่ก็มีบทเรียนว่าการยืดอำนาจตัวเอง สุดท้ายก็อยู่ได้ไม่ได้

ส่วนข้อเสนอที่ 4 คือ การทำประชามติ ถามประชาชนว่า อยากเปลื่ยนแปลงหรือไม่ เห็นด้วยกับผู้ชุมนุมหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่า หากคำถามของประชามติเหมาะสมและมีประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ วิพากวิจารณ์ได้ นี่น่าจะเป็นทางออกให้กับประเทศไทย แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องพูดถึงเรื่องละเอียดอ่อน

ส่วนข้อที่ 5 ไม่ต้องทำอะไรเลย ทนอยู่ไปแบบนี้ นายกฯ อาจจะชนะเพราะผู้ชุมนุมน่าจะหมดแรงก่อน จึงขอให้นายกฯ อดทนเข้าไว้ และทำความเข้าใขกับประชาชน ดึงคนเห็นต่างมาเป็นพวกให้มากที่สุด