สาวสุดช้ำ! โดนข่มขืน-ถูกอัดคลิปแบล็คเมล์ ซ้ำร้ายยังติดเชื้อ HPV แจ้งความไว้กว่า 2 เดือน แต่คดียังไม่คืบ

(7 ต.ค. 2563) นางสาวเอ (นามสมมุติ) วัย 18 ปี พร้อมมารดา เดินทางเข้าพบนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ที่สำนักงานใน จ.นนทบุรี ภายหลังถูกอดีตแฟนหนุ่มข่มขืน กักขังหน่วงเหนี่ยวและถ่ายคลิปวิดีโอแบล็คเมล์ แต่แจ้งความไว้นานกว่า 2 เดือนแล้ว คดียังไม่มีความคืบหน้า

โดยนางสาวเอ บอกกับคุณกานต์สินี สิทธิโชติพงศ์ ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ว่า เรื่องนี้เกิดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตนถูกอดีตเเฟนหนุ่มลวงไปที่บ้าน ก่อนให้ดื่มน้ำอัดลมผสมเหล้าขาวเเล้วข่มขืนในขณะที่ตนเองมึนเมา และยังข่มขู่ว่าอัดคลิปไว้เเล้ว สั่งห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะนำเผยเเพร่ให้อับอาย จึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ต่อมาช่วงปลายเดือนมิถุนายน ตนเริ่มตีตัวออกห่างเเต่ฝ่ายชายไม่เลิก ยังพยายามตามก่อกวนด้วยการมาหาเเม่ที่บ้าน ส่งต่อภาพนิ่งเเละภาพวิดีโอที่ถ่ายเเบ็คเมล์ตนไปให้ผู้อื่น

จากนั้นมีบัญชีเฟซบุ๊กปริศนา ทราบภายหลังเป็นเพื่อนของอดีตเเฟนหนุ่มส่งข้อความเเละมาคอมเมนท์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวด่าทอเเละนำรูปอนาจารตัวเองมาลงให้คนอื่นเห็น เรียกเงินจากตน ด้วยความอับอายจึงเล่าเรื่องราวให้เเม่ฟัง ก่อนเเม่จะพาไปแจ้งความที่ สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร เเต่ตอนนี้ผ่านมานานกว่า 2 เดือนเเล้วคดียังไม่คืบหน้า ประกอบกับตนพบเมื่อครั้งไปตรวจร่างกายว่าติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ คือเชื้อ HPV ตอนนี้ทรมานทั้งกายจากการรักษา เเละจิตใจว่าทำไมต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ เคยกินยาคิดฆ่าตัวตาย เเต่ที่บ้านพาส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตได้ทัน วันนี้อยากขอให้ทนายรัชพล ช่วยดูคดีเเละเร่งรัดให้จับอดีตเเฟนหนุ่มมาดำเนินคดี เพราะตนเองเครียดเเละกังวลไปหมด

ด้านมารดาของนางสาวเอ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจเรียกตนและคู่กรณีไปพบ ก่อนที่ตำรวจระบุว่าคู่กรณีพร้อมจะจ่ายค่าเสียหายจำนวน 30,000 บาท ให้ เเต่ตนไม่ยอม จนถึงตอนนี้ขอบอกว่าต่อให้จ่ายเป็นแสนก็ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่คุ้ม กับสิ่งที่ลูกสาวต้องเจอ ต้องอับอาย ทั้งนี้ มีหญิงสาววัย 20 ปีอีกรายได้ทักแชทในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนก็เคยถูกอดีตแฟนหนุ่มของลูกสาว เเบล็คเมล์ลักษณะนี้และเพื่อนฝ่ายชายก็ข่มขู่พร้อมเรียกเงินเช่นเดียวกัน ตนเองคิดว่าน่าจะทำหลายครั้งเเละทำเป็นขบวนการ

ขณะที่ทนายรัชพล บอกว่า ตอนนี้ประสานไปยังจังหวัดสมุทรสาครให้เข้าช่วยเหลือครอบครัวนี้แล้ว และจะติดตามเร่งรัดคดี เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดข่มขืนผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดโดยทำให้กลัวจะเสื่อมเสียเสรีภาพ, รีดเอาทรัพย์หรือแบล็คเมล์, กักขังหน่วงเหนี่ยว, อนาจาร เเละอีกหลายข้อหาหนัก