เสียงฝ่ายค้านสู้ไม่ไหว! "อนุ กมธ.ครุภัณฑ์" เสียงข้างมากโหวตเห็นชอบจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนอีก 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท

(21 ส.ค. 2563) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2564 แถลงข่าวว่า ในวันนี้มีการพิจารณางบจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน ของกองทัพเรือจำนวน 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่สอง

ภายหลังจากที่ครั้งแรก ทางคณะอนุกรรมาธิการได้แขวนเรื่องไว้ก่อนเพราะยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้ซื้อหรือไม่ โดยทางกองทัพเรือได้ให้เหตุผลว่า ที่ต้องซื้อเรือดำน้ำเพราะไทยได้ลงนามใน MOU กับจีนไว้แล้วว่าต้องซื้อ 3 ลำ โดยลำแรกได้จัดซื้อไปแล้วด้วยงบประมาณปี 2560 ซึ่งจะได้รับเรือในปี 2567 อย่างไรก็ตาม อีก 2 ลำ ที่จะใช้งบปี 2564 นั้น ทางอนุกรรมาธิการสอบถามว่ายังไม่ซื้อได้หรือไม่ จะถูกฟ้องร้องหรือไม่

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า วันนี้กองทัพเรือได้นำ MOU ซื้อเรือลำน้ำลำแรกมา ปรากฏว่าใน MOU ไม่ได้เขียนว่าไทยจะต้องซื้อลำที่สองและลำที่สาม แปลว่าไม่ได้ผูกพันธ์กันไว้ มีเพียงแค่ระบุว่าถ้าเกิดปัญหาในข้อตกลงหรือเกิดความขัดแย้ง ให้เจรจากันอย่างฉันท์มิตร ไม่มีการขึ้นศาลหรือคดีต่อกัน นี่คือ MOU ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เซ็นไว้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของประเทศจีน

“ผมอยู่ในฝั่งที่ไม่ให้ซื้อ โดยบอกว่าเมื่อไม่ได้มีข้อตกลงให้ซื้อลำที่สองและลำที่สาม ทางกองทัพอ้างอย่างเดียวว่าเพื่อความมั่นคงทางทะเล ทางผมสู้ว่ามีปัญหาด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลกู้จนเต็มเพดาน ประชาชนเดือดร้อน สังคมมีปัญหาอาชญากรรม เพราะคนตกงานไม่มีอันจะกิน ทาง กมธ. ในส่วนที่ไม่ให้ซื้อ บอกว่ายังไม่จำเป็นต้องซื้อในปีนี้ ให้เลื่อนออกไปก่อน”

นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมตกลงกันไม่ได้ ทำให้ นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการสั่งพักการประชุม และเริ่มอีกครั้งในเวลา 14.15 น. พร้อมสั่งให้ลงมติ โดยในฝั่งที่ลงมติไม่ให้จัดซื้อเรือดำน้ำ ประกอบด้วย ตน นายเรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย, นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และ น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล

ส่วนผู้ที่โหวตให้ผ่าน ได้แก่ นายชยุต ภุมมะกาญจนะ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ, นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเสียงเท่ากัน สุดท้ายประธานคณะอนุกรรมาธิการออกอีกเสียงหนึ่ง เห็นชอบให้ซื้อเรือดำน้ำ เป็นอันว่าประเทศไทยซื้อเรือดำน้ำจีนอีก 2 ลำ ในภาวะที่คนไทยกำลังอดอยาก

นายยุทธพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนและนายครูมานิตย์ จะขอคัดค้านการซื้อเรือดำน้ำดังกล่าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน เพราะเห็นว่าไม่จำเป็นในการซื้อ อีกทั้งลำที่หนึ่งที่ได้ซื้อไปแล้วยังไม่ได้ของ ซึ่งกว่าจะได้ก็ปี 2567 เรื่องนี้นายกฯต้องเลือกระหว่างซื้อเรือดำน้ำกับความอดอยากของประชาชน ชาวบ้านบอกให้ช่วยเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รัฐบาลบอกไม่มีเงิน เห็นเรือดำน้ำสำคัญกว่าชีวิตประชาชนได้อย่างไร

ด้าน นายครูมานิตย์ ระบุว่า วันนี้ยังไม่มีความจำเป็นในการจัดซื้อเมื่อเทียบกับความอดอยากของประชาชนทุกภาค เราไม่ได้คัดค้านไม่ให้ซื้อ แค่อยากให้ชะลอไว้ก่อน ถ้าประชาชนไม่อดอยาก จะซื้อ 4-5 ลำก็ซื้อไป แต่ช่วง4-5ปีมานี้ทหารใช้งบประมาณแทบจะมากกว่าทุกกระทรวงอยู่แล้ว