อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ย้ำ! ถูก ส.ส. เรียกรับเงิน 5 ล้านจริง อัดเสียงไว้เป็นหลักฐาน ลั่นหากโกหกคงอยู่แผ่นดินนี้ไม่ได้ แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อต่อ กมธ. เพราะส่งข้อมูลทั้งหมดให้ ป.ป.ช.แล้ว

(19 ส.ค. 2563) การประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ หยิบยกกระแสข่าวเรื่องที่อนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ซึ่งเป็นคณะย่อยของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ แต่วันนี้คณะอนุกรรมาธิการฯดังกล่าวไม่ได้ร่วมมาชี้แจงตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการฯ มีเพียง นายศักดิ์ดา พร้อมด้วย นางสาวดวงมณี จั่นเพิ่ม ผู้อำนวยการกองแผนงานกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มาชี้แจง ทำให้นายสิระ เจนจาคะ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ถึงกับพูดกลางห้องประชุม ว่า คนที่เป็น ส.ส. และเป็นอนุกรรมาธิการ ไม่เดินทางมา ต้องรับผิดชอบและมีมาตรการที่มากกว่าคนทั่วไปแบบคูณสอง

ทั้งนี้ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ช่วง 19.10 น. มีคนโทรศัพท์มาอ้างว่า เป็นหนึ่งในอนุกรรมาธิการ มีการระบุตำแหน่งที่อยู่ในอนุกรรมาธิการชัดเจน จากนั้นได้มีการพูดคุยกันของานและขอเงินตามจำนวนที่เคยเป็นข่าวจริง แต่ตนปฏิเสธ พอวันรุ่งขึ้น 5 สิงหาคม ตนมาชี้แจงอนุกรรมาธิการชุดนี้ แต่ปรากฏว่าอนุกรรมาธิการใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ในการซักถามเรื่องการขุดเจาะบ่อบาดาลเรื่องเดียว และอนุกรรมาธิการบางท่านเหมือนไม่เข้าใจ ทั้งที่ชี้แจงแล้วทั้งในห้องประชุมและนอกห้องประชุม จึงเห็นว่า การชี้แจงน่าจะเปล่าประโยชน์จึงตัดสินใจพูดความจริง ว่ามีการโทรมาเรียกเงินเพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณครั้งนี้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อบุคคลดังกล่าวให้กรรมาธิการกฎหมายฯทราบได้

จากนั้น คณะกรรมาธิการพยายามซักถามอีกว่า ทราบชื่อของบุคคลที่โทรศัพท์มาเรียกรับเงินแล้วใช่หรือไม่ และได้เปิดเผยชื่อดังกล่าวกับผู้บังคับบัญชาแล้วใช่หรือไม่ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อตนเองและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกลับได้ แต่รายชื่อและเทปเสียงระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ได้ส่งให้กับผู้บังคับบัญชาของตนเองหมดแล้ว ประกอบกับตนได้เข้าไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช. แล้วเมื่อหลานวันที่ผ่านมา และขณะนี้ สตง. ก็ได้ติดต่อเพื่อให้ตนไปชี้แจง อย่างไรก็ตาม ยืนยันสิ่งที่ตนพูดกลางห้องประชุมอนุกรรมาธิการฯเป็นความจริง หากตนพูดเท็จก็คงไม่สมควรอยู่ในแผ่นดินนี้ และหากตนเปิดเผยเบอร์และเปิดเทปให้ฟัง ทุกคนก็รู้จักหมด

“เรามีพยานหลักฐานมากกว่าที่หลายท่านเป็นห่วง ผมนั้นชีวิตเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาสองครั้งก็ผ่านอะไรมาพอสมควร เรื่องพยานหลักฐานมีพอสมควร แต่ขออนุญาต เพราะเมืองไทยก็มีอะไรที่เราไม่คาดคิดได้ เมื่อวันนั้นผมพูดไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบ ผมเชื่อว่าให้หน่วยงานเขาตรวจสอบดีกว่า ผมไม่ล้มมวยหรอกครับ ไม่ล้มมวยจริง ๆ ถ้าเราไปหกล้มกลางทางเราจะเดือดร้อน หน่วยงานตรวจสอบเขาก็เชื่อมั่นในตัวผม ก็เชื่อว่าประธานอยากคัดคนไม่ดีออกไป ยืนยันว่า มันเกิดขึ้นจริง”

จากนั้น กมธ. บางส่วนได้ขอให้มีการประชุมลับเพื่อปกป้องผู้มาชี้แจง จึงเชิญสื่อมวลชนออกจากห้องประชุม แต่ระหว่างนั้น นายสาธิต อุ๋ยตระกูล อนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ได้เข้ามารับฟังการพิจารณาพอดี พร้อมยืนยันว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องตบทรัพย์ แต่ยอมรับว่า ตนร้อนตัวเพราะตนอยู่ในอนุกรรมาธิการนี้ จึงอยากให้อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลชี้ตัวคนทำเลย พร้อมเปิดเผยว่า นอกจากตนเองแล้ว ยังมี ส.ส.ที่เป็นอนุกรรมาธิการซักถาม กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเรื่องการขุดเจาะบ่อบาดาลจำนวนมากอีกหลายคน อาทิ นายศิริพงษ์ รัศมี ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย และนางนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์