ตำรวจนครบาลสายไหม จับกุมตัว 2 ผู้ต้องหาใช้อาวุธมีดจี้ชิงทอง และทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย โดยจับกุมได้ที่บ้านพักของนายอภิวุฒิ บุญหล้า ซอยเพิ่มสิน18 จากการสอบสวนคนร้าย คนร้ายทั้ง 2 คน รับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วยอาวุธมีดจริง ส่วนเรื่องทองคำน้ำหนัก 1 บาท คนร้ายอ้างว่าไม่ได้เป็นคนเอาไป

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่วันที่ 8 สิงหาคม เวลา 23.30 น. คนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีขาวดำไม่ทราบทะเบียน ทั้ง 2 คน สวมเสื้อสีดำ กางเกงขายาว คนซ้อนท้ายสวมหมวกนิรภัยสีเขียว  ได้ใช้อาวุธมีดก่อเหตุทำร้ายนายสถาพร วังหลวง อายุ 17 ปี ได้รับบาดเจ็บ

จากนั้นได้กระชากสร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้นของนายสถาพรไป ภายในถนนเลียบคลองซอยพหลโยธิน 54/1 เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร  สอบจากสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจะบอกเรื่องทั้งหมดน่าจะเกิดเหตุหมั่นไส้กัน บนท้องถนนไม่น่าจะประสงค์ต่อทรัพย์ตั้งแต่แรก

ภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่า คนร้าย 2 คน ขับรถตามผู้เสียหายมาตั้งแต่ สามแยกถนนจันทร์ทะลุเบกษา ตามมาเจอผู้เสียหายผู้เสียหายบริเวณสะพานข้ามคลองดวงมณี จากนั้นก็ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายจะวิ่งไปหลบและยกมือไหว้ร้องขอแล้วก็ตาม แต่นายเอ(นามสมมุติ)ผู้ซ้อนได้ลงไปใช้มีดแทง แต่พลาดท่าถูกผู้เสียหายถีบจนล้มลง นายอภิวุฒิ(ผู้ขับขี่)จึงขี่รถจักรยานยนต์ชนผู้เสียหาย และลงเตะผู้เสียหาย 3-4 ครั้ง จากนั้นก็พากันหลบหนี

นายเอ (นามสมมุติ)อายุ17ปี ผู้ก่อเหตุให้การว่า ตนเองได้ไปกินเบียร์ที่บ้านเพื่อนย่านเพิ่มสิน เขตสายไหม กทม.หลังจากดื่มกินเสร็จเวลาประมาณ 5 ทุ่มนายอภิวุฒิ  ได้อาสาขับรถมาส่งตนเองที่ห้องพักย่านรังสิต ระหว่างทางกลับบ้านตนเองเห็นผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์มากับเพื่อน 2 คัน(ขับคนละคัน)มีท่าทางขี่รถยียวนเบิ้ลรถเสียงดัง จึงเกิดการหมั่นไส้ขับรถตามไปหาเรื่อง แต่เพื่อนผู้เสียหายรู้ตัวก่อนขี่รถย้อนกลับหลบหนีไป

ส่วนผู้เสียหายได้จอดรถอยู่ข้างทาง นายอภิวุฒิ จึงจับรถไปประกบข้าง จากนั้นตนได้ลงไปชกที่หน้าของผู้เสียหาย 1 ครั้ง ทำให้ผู้เสียหายวิ่งหนี ตนจึงวิ่งตามไปจนผู้เสียหายล้มลง ตนจึงใช้มีดพกที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาแทงเข้าไปที่ตัวผู้เสียหาย 3 ครั้ง จากนั้นตนกับเพื่อนได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปพักบ้านอภิวุฒิ ที่ซอยเพิ่มสิน18 โดยใช้รองเท้าปิดหมายเลยทะเบียนรถไว้เพื่อไม่ให้กล้องวงจรปิดจับภาพได้

พอตอนเช้าตนก็ได้เดินทางไปจังหวัดลพบุรีเพื่อไปเยี่ยมปู่ที่ป่วยอยู่ และเมื่อวันที่ 12 ก.ค.63 ตนเองได้ย้อนกลับมาหาเพื่อนที่ซอยเพิ่มสิน18 อีกครั้ง จนมาถูกตำรวจล้อมจับ ทั้งนี้ตนยอมรับว่าตนได้ก่อเหตุทำร้ายผู้เสียหายจริง แต่เรื่องทองคำน้ำหนัก 1 บาทที่หาว่าตนเองกระชากนั้น ตนไม่ได้เอาไป ตนไม่เห็นทองในข้อมือผู้เสียหายด้วยซ้ำ

นายอภิวุฒิ ผู้ก่อเหตุ เล่าให้ฟังว่า ตนเห็นรถผู้เสียหายเบิ้ลใส่ จึงขับรถตามไปหาเรื่อง พอไปถึงรุ่นน้องตนเองที่มาด้วยกันได้ลงไปทำร้ายผู้เสียทันที จากนั้นผู้เสียได้วิ่งหนีไปหลบ ตนกับรุ่นน้องจึงขี่รถตามไปทัน รุ่นน้องตนก็ลงไปทำร้ายผู้เสียหายอีกครั้ง ตนจนลงไปห้ามและดึงรุ่นน้องขึ้นรถกลับบ้าน

 ทางด้าน พ.ต.อ. ณธัชพงศ์ กิรัมย์ รอง ผกก.สส  เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 23.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลสายไหม ได้รับแจ้งเห็นว่า มีการทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดและจี้ชิงทองไป อยู่บริเวณสะพานดวงมณี เขตสายไหม กทม.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงลงพื้นที่เกิดเหตุทันที พบผู้เสียหายถูกนำส่งโรงพยาบาลไปแล้ว จึงทำการสอบถามพยานผู้เห็นเหตุการณ์ว่าคนร้ายรูปพรรณสัณฐานเป็นอย่าไร

ก่อนได้ข้อมูลมาว่าคนร้ายแต่งตัวมิดชิดใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ ทางเราจึงทำการไล่กล้องวงจรปิด โชคดีที่เปิดที่พื้นที่สน.สายไหม จะมีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกซอกทุกมุม เนื่องจากทางพ.ต.อ.ทนงศิลป์ มณีโชติ ผกก.สน.สายไหม ได้มีคำสั่งให้ติดกล้องวงจรปิดไว้ทุกซอกทุกมุมในเขตพื้นที่สายไหม

ต่อมาจากการไล่กล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายเป็นคนในพื้นที่ รู้เส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี คนร้ายมีการขับขี่รถจักรยานยนต์วกวนไปมาอยู่หลายซอกซอย แต่สุดท้ายก็หลบหนีตาวิเศษกล้องวงจรปิดไม่พ้น พบคนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้าไปที่สุดท้ายคือซอยเพิ่มสิน18 จึงนำกำลังซุ่มจับกุม จนสามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้งคู่ ทั้งนี้ต้องขอบคุณผู้เสียหายที่ยังไม่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนมาก ทำให้คนร้ายชะล่าใจ ยังคงหลบอยู่ในพื้นที่