นักร้องสาวชื่อดัง ขอโทษทำพฤติกรรมการ์ดตก ฉีกม่านกั้นป้องกันไวรัสระบาด หวังใกล้ชิดแฟนเพลง ส่วนกรณีดราม่า คอนเสิร์ตของ นักร้องสาว "เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น" เตรียมแจ้ง 2 ข้อหา ผู้จัดคอนเสิร์ต'เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น'

โบกี้ไลอ้อน หรือพิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ นักร้องสาวชื่อดัง โชว์ฉีกม่านพลาสติกใส ที่กั้นระหว่างตัวศิลปิน และแฟนเพลง ระหว่างที่ร้องเพลงโชว์ เป็นคลิปที่สมาชิกแอปพลิเคชั่นติ๊กต๊อกท่านหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตว่า เหมาะสมหรือไม่ ในช่วงตั้งการ์ดป้องกันไวรัสโควิด-19 ระบาด 

จากการตรวจสอบ พบว่า เหตุการณ์ในคลิป เกิดขึ้นที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองอุดรธานี ระหว่างร้องเพลง ตัวศิลปินเอง หันมองหน้าทีมงานก่อนตัดสินใจฉีกม่านพลาสติก เพื่อทำความใกล้ชิดกลุ่มแฟนเพลง ที่อยู่ติดขอบเวทีนับสิบชีวิต 

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก "หมอแล็บแพนด้า" แสดงความเห็นตักเตือนพฤติกรรมดังกล่าวว่า อย่าการ์ดตก และขอให้แฟนเพลงโปรดทำความเข้าใจ 

ล่าสุดนักร้องสาว โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการว่า ขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอน้อมรับผิดเพียงคนเดียว หลังจากนี้จะระมัดระวังตัวเอง และเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ต่อไป 

ส่วนกรณีดราม่า คอนเสิร์ตของ นักร้องสาว "เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น" ที่พาศิลปินในค่ายเพลงไปจัดคอนเสิร์ต ที่จังหวัดกระบี่ และ นครศรีธรรมราช แต่ภาพที่ออกมาพบว่า กลุ่มวันรุ่นยืดเบียดเสียดกันแน่นเป็นปลากระป๋อง แถมไม่สวมหน้ากากอนามัย 

ล่าสุด นาวสาวภาวินีย์ สมโย เจ้าภาพที่จัดงานคอนเสิร์ตที่ลานวัดเขาล่อม อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ บอว่า เป็นคอนเสิร์ตการกุศลเนื่องในวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของตน ยืนยันว่าปฏิบัติตามมาตรฐาน มีเจ้าหน้าที่คัดกรองผู้ที่จะเข้ามาชมคอนเสิร์ตทุกคนก่อนเข้างาน 

รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของในงาน ก็มีการวัดไข้ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ใครไม่สวมหน้ากากอนามัยก็จะไม่ให้เข้างาน มีการจัดเก้าอี้เว้นระยะห่าง และลงทะเบียนคนที่มาในงานด้วย 

แต่ภาพที่เผยออกไปในโซเชี่ยลฯ เป็นภาพที่เจนนี่ถ่ายไว้ ช่วงจะเลิกงาน ซึ่งจะเห็นว่ามีบางคนก็สวมหน้ากากอนามัย บางคนก็ไม่สวม เพราะต้องการถ่ายรูปกับศิลปิน ภาพที่ออกไปจึงถูกมองว่าไม่มีมาตรการป้องกัน ขอร้องว่าอย่าตัดสินด้วยภาพภาพเดียว 

พันตำรวจเอกสัญญา ทองสวัสดิ์ ผู้กำกับการ สภ.อ่าวลึก บอกว่า จะเรียกผู้จัดงาน และผู้ที่มาแสดงคอนเสิร์ต มาชี้แจงในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ เพื่อพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เบื้องต้นน่าจะเข้าข่ายความผิด 2 ข้อหา คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อที่อาจไม่มีการป้องกัน