ทีมสืบสวนคดี "น้องชมพู่" เปิดข้อมูลหักล้างประเด็น "เสียชีวิตเอง" ด้านครอบครัว ยังเชื่อแนวทางการสืบสวนของตำรวจ มั่นใจว่ามีคนทำ ส่วนชาวบ้านบางส่วนยังมองเรื่องไสยศาสตร์ที่บังตาพาไป

(15 ก.ค. 2563) คุณจุฑารัตน์ บุบผา ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านกกกอก อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกี่ยวกับประเด็นการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่น้องจะเสียชีวิตเอง โดยมีชาวบ้านบางส่วนมองว่า มีความเป็นไปได้แบบ 50:50 เพราะมองว่าน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ มีความแข็งแรงมากกว่าเด็กในเมือง พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่า น้องอาจจะเดินพลัดหลงไป แล้วต่อมาเกิดความกลัว จึงรีบเดินไปโดยไม่รู้ทิศทาง จนกระทั่งไปถึงยังจุดที่พบศพ

ส่วนด้านครอบครัวของน้องชมพู่ ก็เผยว่าไม่เชื่อเด็ดขาดว่าน้องเสียชีวิตเอง และมั่นใจว่าต้องมีคนทำ เพราะตามลักษณะนิสัยของน้องติดพ่อติดแม่ ไม่ยอมไปไหนเพียงลำพัง อีกทั้งไม่เคยไปไหนกับคนแปลกหน้า ส่วนประเด็นเรื่องผีบังตาพาไป ครอบครัวก็ไม่เชื่อในประเด็นนี้ เช่นกัน

ขณะที่ทีมสืบสวนของคดีนี้ ยังคงยึดแนวทางการสืบสวนตลอด 64 วัน ที่พุ่งเป้าไปในประเด็นฆาตกรรม โดย 3 ข้อที่ตำรวจนำหักล้างประเด็น "น้องชมพู่" เสียชีวิตเอง คือ

ข้อแรก เส้นผมมีร่องรอยถูกตัดจากของมีคม ตรงนี้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ได้ทำการตรวจเส้นผมที่เก็บได้บริเวณจุดพบศพ จำนวน 36 เส้น ยืนยันว่า เป็นของน้องชมพู่ และจากการตรวจอย่างละเอียด พบว่า เส้นผมแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ผมร่วง และผมที่ถูกหั่น หรือถูกสับ ตำรวจจึงมองว่าหากน้องชมพู่ เดินขึ้นไปเสียชีวิตเอง แล้วใครเป็นคนหั่นผมน้อง

ข้อที่ 2 ไม่พบบาดแผลถลอกจากการปีนเขา ระยะทางจากบ้านน้องชมพู่ถึงจุดพบศพบนภูเหล็กไฟประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเขาหินสูงชัน บางก้อนสูงกว่าน้องชมพู่ ที่ส่วนสูงประมาณ 90-95 เซ็นติเมตร จึงเชื่อว่าการพลัดหลงและปีนป่ายขึ้นไปน่าจะปรากฎบาดแผลฟกช้ำ หรือรอยถลอก

ข้อที่ 3 เสื้อที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุหายไป มองว่า หากน้องชมพู่ รู้สึกร้อนและถอดออกเอง เหตุใดการปูพรมค้นหาหลักฐานที่ผ่านมาจึงไม่พบ แต่กลับพบกางเกงและรองเท้า อยู่ในรัศมีไม่เกิน 40 เมตร จากจุดพบศพ

ส่วนที่บ้านของน้องชมพู่ ตำรวจได้ติดตั้งกล้องวงปิด ให้ 3 วันแล้ว โดยกล้องวงจรปิดมีติดตั้งทั้งหมด 4 จุด จุดแรก บริเวณหน้าบ้าน, จุดที่ 2 ด้านข้างบ้าน, จุดที่ 3 ด้านข้างบ้านเช่นกัน และ จุดที่ 4 ด้านหลังบ้าน โดยตำรวจจะสามารถติดตามความเคลื่อนไหวที่บ้านของน้องชมพู่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ครอบครัวน้องชมพู่ รู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น