พันตำรวจโทกรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เข้าทำงานวันแรกหลังได้รับการโปรเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยก่อนเข้าทำงานได้ไปสักการะพระพุทธวิชัยอภัยมารนิราศ พระพุทธรูปประจำกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ

จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่ตามคำขวัญของกรมสอบสวนคดีพิเศษ คือ “เกียรติศักดิ์ เชี่ยวชาญ ซื่อสัตย์” พร้อมระบุว่า จะเน้นทำคดีเรื่องการฟอกเงิน เพื่อยึดทรัพย์จากกลุ่มอาชญากรต่างๆ โดยเฉพาะขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่ง UNODC พบว่าแต่ละปีมีการฟอกเงินของขบวนการนี้มากกว่า 2 แสนล้านบาท อีกทั้งจะมุ่งเน้นทำคดีหลีกเลี่ยงภาษี เพราะสร้างความเสียหายให้กับรัฐเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคดีรถยนต์หรู ที่พบว่ากำลังมีกลุ่มที่หลบเลี่ยงการลักลอบนำเข้ารถอีกครั้ง ขณะนี้กำลังสืบสวนอยู่ รวมทั้งคดีเก่าที่เคยสืบสวนมาก่อน ยืนยันว่าไม่มรการวิ่งเต้นคดีและไม่เคยรับสินบนในคดีนี้มาก่อน ฝากเตือนผู้ที่แอบอ้างว่าจะวิ่งเต้นคดีนี้ได้นั้น ไม่เป็นความจริงและหากพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ส่วนคดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ที่อัยการไม่สั่งฟ้องในบางข้อหากับผู้ต้องหาที่ดีเอสไอได้ดำเนินคดีไปนั้น จะขอดูรายละเอียดความเห็นของอัยการก่อน และจะสรุปความเห็นส่งกลับไปยังอัยการอีกครั้ง และในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปให้กำลังใจนางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของนายบิลลี่ ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดี หลังจากที่ผ่านมาในช่วงที่ทำคดีนี้ ถูกโยกไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม แต่นางมึนอ ได้ส่งข้อมูลในคดีมาให้เยอะ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากอยู่นอกเหนือหน้าที่

ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติให้ผ่านร่างกฎหมายพระราชบัญญัติอุ้มหาย แล้ว และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอยู่ โดยให้อำนาจการสอบสวนกับดีเอสไอเพียงหน่วยเดียว

พันตำรวจโทกรวัชร์ ยังกล่าวถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปร่วมจับกุมคดีที่เห็นทับซ้อนกับหน่วยงานอื่น เช่น บ่อนการพนัน หรือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ โดยยืนยันว่า การจับคดีดังกล่าวนั้น ดีเอสไอทำเฉพาะคดีที่ความเสียหายจำนวนมาก หรือกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ ผู้ผลิต เพราะจะเข้าข่ายการฟอกเงิน ที่ดีเอสไอดำเนินการอยู่

สำหรับพันตำรวจโทกรวัชร์ เริ่มปฎิบัติหน้าที่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่ปี 2548 ในตำแหน่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 8 ก่อนที่จะเติบโตในหน่วยจนเำรงตำแหน่งเป็นรองอธิบดี และถูกโยกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2562 ในข่วงที่ทำคดีการสูญหายของนายบิลลี่ และได้รับการแต่งตั้งกลับมาเป็นอธิบดีดรมสอบสวนคดีพิเศษในที่สุด