"ปิยบุตร" ซัดเดือด! มี ส.ว. มา 1 ปี แต่ไร้ผลงาน เน้นอวยรัฐบาลออกนอกหน้า ชี้รัฐธรรมนูญเป็นระเบิดเวลา ผลพวงประชาธิปไตยครึ่งใบทำพลังประชารัฐวุ่น แบ่งเค้กเอาตัวรอด สุดท้ายไม่ลงตัว

(6 มิ.ย. 2563) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เปิดเผยถึงการจัดงานเสวนา "เวทีแสวงหาฉันทามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศไทย : New Consensus" ว่า การจัดงานครั้งนี้เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ในการทำหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ซึ่งเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ได้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เป็นเครื่องมือสำคัญของคณะรัฐประหาร

จึงอยากให้ประชาชนได้ตาสว่างและให้สังคมไทยเห็นว่า การที่ประเทศไทยจะมีรัฐธรรมนูญที่ดีได้จำเปนต้องเกิดจากฉันทามติที่ดีของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นที่มาของความขัดแย้งทางการเมือง โดยการจัดงานวันนี้ เพื่อประเมินการทำงานของ ส.ว. และทบทวนบทบาทของ ส.ว. ว่า ถึงเวลาที่จะยกเลิก ส.ว.แล้วหรือไม่ หรือหากไม่ยกเลิก จะต้องพิจารณาทบทวนถึงที่มาของ ส.ว. รวมถึงขอบเขตและอำนาจหน้าที่ของ ส.ว. หรือไม่

ส่วนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการทำงานเป็นไปด้วยความล่าช้านั้นมองว่า เป็นเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19 ทำให้การประชุมต้องเลื่อนออกไป

ซึ่งหลังจากนี้จะมีการขอขยายเวลาเพื่อให้มีเวลาทำงานมากขึ้น พร้อมทั้งจะมีการจัดทำเอกสารข้อเสนอของคณะกรรมาธิการในสัดส่วนโควต้าของอดีตพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 6 คน โดยทำเป็นเอกสารเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลว่าได้มีการเสนอในประเด็นใดบ้าง อย่างไรก็ตาม มองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องอาศัยพลังสังคมที่ต้องร่วมกันกดดัน โดยเฉพาะจาก ส.ว. จำนวน 84 คน ที่หากลงเสียงสนับสนุนก็จะเป็นช่องทางให้สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้

นอกจากนี้ นายปิยะบุตร ยังประเมินการทำงานของ ส.ว. ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาด้วยว่า ประชาชนได้เห็นกับตาแล้วว่า ส.ว. สร้างมาเพื่ออะไร มีการลงมติเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และ 1 ปีที่ผ่านมาในการลงมติแต่ละครั้งก็ไม่มีเสียงแตก ซึ่ง ส.ว. ทั้ง 250 คน ตามบทเฉพาะกาลทำให้ข้ออ้างเหตุผลของการมี ส.ว. ในประเทศหายไป กลายเป็นสภาเครือข่ายอำนาจของคณะรัฐประหาร ตลอดการทำงานของ ส.ว. 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล และยังอวยรัฐบาลอย่างออกนอกหน้า

ส่วนเรื่องการปรับ ครม. และการแย่งอำนาจเพื่อช่วงชิงการเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ทำให้การเมืองไทยถอยหลังไปแบบปี 2520 ที่เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากลไกรัฐธรรมนูญสร้างปัญหาตั้งแต่วันแรก การเลือกตั้งไม่ได้ตอบโจทย์อะไรและเป็นเพียงพิธีกรรมอย่างหนึ่ง มีรัฐบาลเสียงปริ่มน้ํา จนต้องนำพรรคเล็กพรรคน้อยมาร่วมรัฐบาลนำมาสู่การซื้องูเห่า แจกกล้วย ยุบพรรค เพื่อเอาตัวให้รอด ซึ่งตอนนี้รัฐบาลก็กลายเป็นรัฐบาลก็ได้เสียงมาก กลับมีปัญหาเรื่องการแบ่งเค้ก พร้อมมองว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นระเบิดเวลา ที่ตั้งไว้เพื่อรอวันระเบิด จึงขอให้ทุกคนช่วยกันถอดสลัดระเบิดเวลาลูกนี้ในขณะที่ยังมีเวลา