นักธุรกิจฝั่งเมียนมาร้องทนายดังพาเข้าแจ้งความหลังลูกน้อง 2 คน ถูกตำรวจหน่วยงานหนึ่งจับ ก่อนอุ้มหายพร้อมเงินสด 16 ล้านบาท ที่เตรียมนำไปจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง

นายจ่อเฮง นักธุรกิจค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ประเทศเมียนมา พร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เข้าแจ้งความกับตำรวจภูธรแม่สอด จังหวัดตาก กรณีที่ลูกน้องชาวเมียนมา 2 คนของนายจ่อเฮง คือ นายเดดไป่อู และน.ส.นามิทู ถูกตำรวจหน่วยงานหนึ่งจำนวน 4 นาย จับกุมระหว่างขับรถยนต์นำเงินสดกว่า 16 ล้าน 5 แสนบาท เข้ามาฝากธนาคารฝั่งไทย และขาดการติดต่อไป จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ระบุว่า หลังเกิดเหตุนายจ่อเฮงได้ชี้แจงกับตำรวจกลุ่มดังกล่าวแล้วว่า เงินทั้งหมดเป็นเงินที่ทำธุรกิจซื้อขายน้ำมันกับบริษัทชื่อดังของไทย จึงให้ลูกน้องนำไปโอนชำระค่าน้ำมัน แต่ตำรวจไม่ฟังพยายามเจรจาต่อรอง และบอกให้รออ้างว่ากำลังนับเงินและจะนำตัวลูกน้องมาส่งที่สถานีตำรวจภูธรแม่สอด จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้

ภายหลังเขาตรวจสอบกับทางศุลกากร ทราบว่าแม้เงินดังกล่าวจะเป็นเงินถูกกฎหมายแต่ก็นำเข้ามาโดยไม่ผ่านขั้นตอนของศุลากร แต่ก็มองว่า การจับกุมชาวเมียนมาทั้ง2คนไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตำรวจกลุ่มดังกล่าว และยังไม่ทำตามขั้นตอนส่งมอบตัวให้ตำรวจท้องที่

จึงเตรียมดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 4 นาย ในข้อกล่าวหากักขังหน่วงเหนี่ยว และปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และเตรียมเข้าร้องเรียนต่อทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. รวมทั้งต้นสังกัดของตำรวจทั้ง 4 นาย

ด้านนายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ระบุว่า นายจ่อเฮงเป็นนักธุรกิจเมียนมา และทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย มีปั้มน้ำมันอยู่ที่ จังหวัดเมียวดี และซื้อน้ำมันจากไทยเป็นประจำ แต่ปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ธนาคารที่จังหวัดเมียวดีปิด และการถือเงินเข้ามาโอนในเขตไทยนั้นถือเป็นประเพณีปฏิบัติมาช้านาน  

อีกด้าน ทีมข่าวตรวจสอบกับ พันตำรวจเอกแมน เม่นแย้ม ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวได้รับแจ้งว่าจะมีชาวเมียนมาลักลอบนำเงินสดเข้าไทย จึงเข้าตรวจสอบ พบรถบรรทุกสีขาว ขับผ่านสะพานข้ามมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 เข้ามาถึงบริเวณถนนในหมู่บ้านวังตะเคียน อำเภอแม่สอด ห่างจากด่านศุลการกร 200 เมตร จึงสกัดตรวจสอบ พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มีหนังสือเดินทางถูกต้อง

เมื่อตรวจค้นพบถุงพลาสติกสีแดงบรรจุธนบัตรไทย เป็นเงิน 16 ล้าน 5 แสนบาท สอบถามทั้งคู่อ้างว่า จะนำเงินทั้งหมดมาฝากเข้าธนาคารแห่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถนำเอกสารหรือหลักฐานมาแสดงได้ จึงแจ้งข้อหาร่วมกันนำเข้าเงินตราสกุลไทยเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร และนำตัวทั้งคู่พร้อมเงินสดไปสอบสวนที่ สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (แม่สอด) และส่งมอบให้กองบังคับการปราบปราม เพื่อสืบสวนขยายผล หาที่มาที่ไปของเงินดังกล่าว รวมทั้งให้กองปราบประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินคดีฐานฟอกเงินอีกคดี เพื่อหาเส้นทางการเงินอีกทางหนึ่ง

ขณะที่พลตำรวจโทสุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันกับทีมข่าวช่อง 8 การกระทำของตำรวจทางหลวง เป็นไปตามอำนาจกฎหมายเนื่องจากระหว่างการจับกุมชาวเมียนมาร์ทั้ง 2 รายนั้นไม่สามารถ ชี้แจงแหล่งที่มาของเงินจำนวนมากถึง 16 ล้านบาทได้

รวมทั้งยังผ่านด่านตรวจเข้ามาโดย ไม่ได้มีการสำแดงต่อศุลกากรตามกฎหมาย ซึ่งภายหลังจากได้รับการรายงานจากตำรวจทางหลวง ในพื้นที่จึงสั่งการ ให้นำของกลางและตัวชาวเมียนมาร์ทั้งสองคนส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดี

ขณะเดียวกันได้ประสานไปยัง ปปง.เพื่อให้ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงิน ทั้งนี้ยืนยันว่า ตัวผู้เสียหาย สามารถนำเอกสารมาชี้แจง ถึงที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวได้ทุกเมื่อ

นักธุรกิจเมียนมาร้องทนายดัง ลูกน้องถูกตำรวจอุ้มหาย พร้อมเงินสด 16 ล้าน