กระทรวงคลัง ปลื้ม "เราไม่ทิ้งกัน" ประชาชนรักษาสิทธิ์ แห่ลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินเยียวยาโควิด-19 จนระบบล่ม

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซด์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่ใช้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนนั้น เกิดปัญหาเนื่องจากก่อนเปิดระบบมีประชาชนสนใจรอลงทะเบียนที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com กว่า 2 ล้านคน และในช่วง 5 นาทีแรกของการลงทะเบียน มีผู้เข้ามาลงทะเบียนมากถึง 20 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มากและเกินกว่าที่ระบบจะรองรับได้ที่ 3.48 ล้านคนต่อนาที

โดยทางธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบ จำเป็นต้องปิดระบบการลงทะเบียนชั่วคราว และหลังจากนั้นไม่นาน ระบบการปฏิบัติงานได้เข้าสู่ภาวะปกติ และมีจำนวนผู้ที่สามารถลงทะเบียนผ่านเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้ (29 มี.ค.63) เวลา 6.00 น. มีผู้ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว จำนวน 9.6 ล้านคน และยังเปิดให้ลงทะเบียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง

หลังจากนั้น ระบบจะแจ้งผลการลงทะเบียนและสิทธิ์ตามมาตรการ ตอบกลับมายังผู้ลงทะเบียนผ่านทางข้อความ SMS เมื่อลงทะเบียนแล้ว ระบบพร้อมจ่ายเงินเยียวยาเข้าบัญชีเร็วสุดภายใน 7 วันทำการ โดยจะโอนเงินให้บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน ผ่านบัญชีธนาคารที่มีชื่อและนามสกุลเจ้าของบัญชีตรงกับชื่อและนามสกุลนำมาลงทะเบียน

และขอเน้นย้ำว่า การขอรับสิทธิ์ตามมาตรการนี้ ไม่ใช่วิธีมาก่อนได้ก่อน ประชาชนทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากไวรัสโควิด-19 และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์จะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลครบทุกคน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า พี่น้องประชาชนตื่นตัวและรักษาสิทธิ์ของตนเอง

โดยทางกระทรวงการคลังขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พร้อมจะนำปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปปรับปรุงแก้ไขกับระบบปฏิบัติการของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับนโยบายอื่นของกระทรวงเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนต่อไป

ขณะนี้ มีผู้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือกลุ่มมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสในช่วงวิกฤติเอารัดเอาเปรียบผู้ได้รับความเดือดร้อนจากไวรัสโควิด-19 ผ่านวิธีการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการเปิดเว็ปไซด์ปลอม ซึ่งมีมากกว่า 44 เว็ปไซด์ และพยายามแสวงหาผลประโยชน์ผ่านโซเชียลมีเดียจากมาตรการนี้ โดยอ้างว่า จะรับลงทะเบียนให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับความสะดวก รวมทั้งขอค่าตอบแทนบางส่วนจากเงินที่ได้รับจากมาตรการช่วยเหลือนี้

ดังนั้น พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้ที่หาผลประโยชน์โดยไม่ถูกต้องเหล่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการนำข้อมูลส่วนตัวของท่านไปใช้ประโยชน์อื่นใดในทางที่ไม่ถูกต้อง และส่งผลให้ท่านได้รับความเสียหายทางการเงินตามมา ทั้งนี้ อยากเตือนไปยังกลุ่มผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว ขอให้หยุดการกระทําทันที

เนื่องจากในขณะนี้ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด และพร้อมจะดําเนินการตามกฎหมายทันที ซึ่งการกระทําดังกล่าวเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําท้ังปรับ