เรากำลังสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น..ถ้าคนติดเชื้อเยอะขึ้น อุปกรณ์ไม่พอ ยาไม่พอ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ "คนไข้ไม่รอด" สิ่งที่ทุกคนช่วยได้และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ และ Social distancing

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ถ้าคน 67 ล้านคน ทำตามที่รัฐขอความร่วมมือ แต่มีคนแค่ 10 คน ไม่ทำตามไปจัดงานปาร์ตี้ 10 คนนี้ จะทำให้ทั้ง 67 ล้านคน แพร่เชื้อไปหมด เพราะฉะนั้น ต้องฝากย้ำกันจริงๆ มันเป็นเวลาที่ ทุกคนอย่าสุขสบายอย่างเดียว ถ้าเราช่วยกันทำสำเร็จ เราหยุดมันได้สำเร็จ ผมเห็นตัวเลขที่ผมคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันที่ 15 เมษายน เราไม่อยากให้เกิด วันที่เราคนติดเชื้อเราแตะ 1,000 คน เป็นวันเดียวกับที่ผู้ติดเชื้อมาเลเซียแตะ 2,000 คน แต่ถ้าเราดูการเติบโตของมาเลเซีย กับการเติบโตของไทย ในช่วงที่ผ่านมามาเลเซีย เติบโตเร็วกว่าเรา แต่ถ้าเราไม่ทำ ไม่ช่วยกันทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ถึงตอนนั้นมันจะเยอะจริงๆเราจะทำไม่ทัน แล้วเมื่อไม่ทันก็จะย้อนกลับมาที่ อุปกรณ์ไม่พอ ยาไม่พอ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ "คนไข้ไม่รอด" ขณะเดียวกัน ถ้าหากอุปกรณ์ไม่พอ บุคลากรด้านดูแลสุขภาพติดเชื้อ 1 คน คนดูแลก็น้อยลง 1 คน แต่คนป่วยที่ต้องรักษาเพิ่มมากขึ้น จากบุคลากรด้านดูแลสุขภาพติด 1 คน ทั้งทีมต้องออกไปจากงานกักตัว 14 วัน ลองนึกภาพดูมันกระทบเยอะมาก เพราะฉะนั้น ถ้าต้นทางยังป่วยเพิ่มขึ้น ไม่ดูแลตัวเอง ปลายทางแก้ยังไงก็ไม่หายขุ่น

แต่สิ่งที่ทุกคนช่วยได้และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด มี 2 ข้อ ที่คนไทยทุกคนทำได้ ถ้าจะทำ และเราจะชนะมันได้ แต่ทุกคนต้องช่วยกันทำ สิ่งแรกก็คือการอยู่บ้าน การอยู่บ้านมันหยุดเชื้อได้อย่างไร ทำไมรัฐบาลถึงบอกขอให้อยู่บ้าน ไม่อยากให้ออกจากบ้าน ออกจากบ้านให้น้อยที่สุด ถ้าต้องไปซื้ออาหาร ซื้อเสร็จก็กลับเข้าบ้านให้เร็วที่สุด เพราะว่าถ้าในบ้านท่านโชคดี ในเวลานี้ ไม่มีใครติดเชื้อ แต่ตัวท่านออกจากบ้าน ท่านมีโอกาสจะไปเจอใครบางคนที่มีไวรัสอยู่ ผมยืนยันว่า คนบางคนบนถนน อาจจะมีไวรัสอยู่ ทั้งๆที่ไม่มีอาการ แล้วถ้าท่านไม่ระวัง ไปคุยกับเขา พอกลับมาบ้าน ตัวท่านกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ ท่านมาทำให้ทั้งบ้าน คนที่ท่านรัก กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อหมด เพราะฉะนั้น การไม่ออกจากบ้านมีประโยชน์ แต่ในกรณีที่ตัวท่านเอง มีเชื้อโควิด แต่ไม่มีอาการ แล้วท่านดูแลตัวท่านเองอยู่ที่บ้าน 14 วัน ถ้าไม่มีอาการเลย มีแนวโน้มว่าท่านจะมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น ก็กลับเข้าสู่หลักการเดิม คือ ไม่มีอาการ ไม่มีกลุ่มเสี่ยง เพราะเราไม่ได้ป่วยทุกคนอยู่แล้ว คนบางคน ณ วันนี้ ท่านก็ไม่รู้ว่าท่านมีหรือไม่มีเชื้อในร่างกาย ถ้าท่านไม่มีอาการ ไม่เป็นกลุ่มเสี่ยงอยู่กับบ้านเฉยๆ ท่านจะไม่กระจายและไม่มีโอกาสจะได้รับเชื้อจากคนอื่น ในทางกลับกัน หากตัวท่านเป็นโควิดแล้วท่านออกไป ไปคุยกับคนอื่น ท่านมีโอกาสจะทำให้คนอื่นติดเชื้อโควิด แล้วพอคนอื่นติดเชื้อก็เท่ากับมีอีก 1 ครอบครัวที่ติดเชื้อ เพราะฉะนั้น การอยู่บ้าน ถือเป็นการช่วยชาติแล้ว มันจะหยุดเชื้อได้เอง โควิดอยู่รอบตัวเราประมาณ 5 นาที มันมีโอกาสตายแล้ว ด้วยอุณภูมิที่สูงมากเกิน 25 องศา มันมีโอกาสจะตาย เพราะฉะนั้น ถ้าเราช่วยกันแบบนี้ เขาถึงบอก ช่วยชาติแล้วหยุดเชื้อได้ Social distancing

"โรคติดต่อ จะไม่ติดต่อ ถ้าเราไม่ติดต่อกัน" ถ้าต้องออกจากบ้าน ให้ทำ Social distancing อยู่ห่างกันดีที่สุด ใส่หน้ากาก ถ้าหากทำแค่ 2 อย่างนี้ ด้วยกัน เราช่วยได้เยอะมาก โอกาสการกระจายของไวรัสจะน้อยลง

ถ้าคนติดเชื้อเยอะขึ้น อุปกรณ์ไม่พอ ยาไม่พอ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ "คนไข้ไม่รอด"