"นายกรัฐมนตรี" ยังไม่ปิดศูนย์กักตัว พร้อมแสตนบายรองรับสถานการณ์ เตือน ดารา ไฮโซ กลับจากต่างประเทศ ต้องรับผิดชอบสังคม กักตัวเอง 14 วัน ย้ำการแพร่ระบาดยังอยู่ในระยะ 2 ชี้ ใช้อำนาจนายกฯ ประกาศกฎกระทรวง ยกเลิกวีซ่า VOA 18 มีผลทันทีไม่ต้องเข้า ครม. รับ เข้มสถานบันเทิง ขอเชื่อมั่น ลั่น ทำเต็มที่ ไม่มีท้อ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการคัดกรองผู้ป่วยและให้กำลังใจเจ้าหน้าบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมติดตามมาตรการรับมือผู้ป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลราชวิถี โดยมีนพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ให้การต้อนรับ

โดยนายกรัฐมนตรี จะตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองเทอร์โมสแกน บริเวณชั้น 1 ที่อาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี และตรวจเยี่ยมห้องตรวจแยกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI) ก่อนตรวจเยี่ยมห้องผู้ป่วยแยกโรคผ่านระบบวงจรปิดที่ตึกอายุรกรรม

นายกรัฐมนตรี ยังมอบกระเช้าให้กับญาติผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวที่รพ.ราชวิถี พร้อมมอบยาที่ใช้รักษาโรคโควิด-19 ที่ชื่อ เฟ-วิ-ลา-เวียร์ ที่จีนได้ส่งมาให้ ให้กับโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งเป็นตัวแทนบริหารสต๊อคเพื่อแจกจ่ายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ สังกัดกรมการแพทย์ และตัวแทนรพ.สังกัดมหาวิทยาลัย เพื่อกระจายให้กับคนไข้โควิด-19 ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฟังรายงานของคณะแพทย์ในวันนี้ และเช็คข้อมูลจากต้นทาง รวมถึงขั้นตอนการคัดแยก การรักษา จนบางรายรักษาหาย ซึ่งทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ย้ำว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังสามารถควบคุมได้แม้ว่าจะมีการขยายจำนวนผุ้ติดเชื้อเพิ่มเติม ในแต่ละวันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ยืนยันว่าที่เราพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แสดงว่าสามารถควบคุมได้ในระดับหนึ่งและสำคัญที่สุดคือเมื่อทุกคนรู้ว่าตนเองไม่สบายต้องมาพบแพทย์ และหากพบว่าเลือดเป็นบวก แพทย์ก็จะมีการติดตาม ข้อมูลย้อนหลังด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประชาชนต้องระมัดระวัง ซึ่งหลายกรณีที่เกิดจากการรวมกลุ่มกัน และไม่ระมัดระวังตนเองดื่มน้ำในแก้วเดียวกันดูดบุหรี่มวนเดียวกัน ดังนั้นช่วงนี้ต้องระมัดระวัง เช่นในต่างประเทศที่ขณะนี้ลดการสัมผัสมือไปแล้ว และใช้การไหว้ซึ่งเป็นที่น่าปลื้มใจทำให้ลดการติดเชื้อและแสดงออกถึงความอ่อนน้อมสวยงามด้วย

วันนี้มีตัวแทนมาจากหลายโรงพยาบาลซึ่งต้องดูถึงมาตราการคัดกรองคัดแยก การรักษาพยาบาลไปจนถึงการส่งตัวกลับบ้าน และการกลกักตัว ตัวเป็นเวลา 14 วัน ย้ำว่ามีมาตรการทุกขั้นตอน รวมถึงกฎหมายที่ออกมาแล้วให้เจ้าพนักงานไปตรวจติดตามผู้ที่ถูกกักตัวที่บ้าน และรายงานตัวทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีแอพพลิเคชั่นติดตามตัว ซึ่งวันนี้มีการสาธิตที่สนามบิน โดยจะมีการเก็บข้อมูล เพื่อติดตามตัว ผ่านทางแอพพลิเคชั่น บนโทรศัพท์มือถือได้ทันทีใครปิดโทรศัพท์ก็สามารถตามเจอเพราะจะมีการแจ้งเตือน ทุกอย่างเป็นมาตรการที่เราจำเป็นต้องทำให้รัดกุมที่สุด

ขณะเดียวกันเช้านี้ได้มีการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลคณะเล็ก ต่อจากการประชุมเมื่อวานนี้จึงขอให้ทุกคนสบายใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทำในการยกเลิก Visa On arrival 30 รวมถึงผ.30 และในส่วนอื่นๆเป็นมาตรการสำหรับประเทศ มีข้อตกลงประเทศอื่นโดยเฉพาะ 4 ประเทศเสี่ยงที่ได้ประกาศไปแล้ว ก็มีการเข้มงวดกับซัน ตรวจโดยแพทย์ทั้งต้นทางและตรวจซ้ำที่สนามบิน รวมถึงการแยกตัวมารักษาสังเกตอาการ

วันนี้เราทำครบทั้งระบบ หลายคนกังวลว่า มีมาตรการเข้มข้นเพียง 18 ประเทศที่ยกเลิก Visa on arrival หรือไม่ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าในประเทศอื่นๆด้วย โดยได้รับการรายงานมาว่าขณะนี้เที่ยวบินที่เดินทางเข้ามายังประเทศลดลงหลายร้อยเที่ยวบินแล้วซึ่งผู้ที่เข้ามาในประเทศไทย 1-2 วันนี้หลังจากประกาศแล้วเหลือเพียงวันละพันกว่าคน จากเดิมวันละ 6,500 ส่วนสายการบินยกเลิกกว่า 1-200 เที่ยวบิน แล้ว. และขอให้ติดตามหลังจากนี้ที่มาตรการจะเข้มข้นขึ้น จำนวนคนเข้ามาก็จะลดลง และเชื่อว่าจำนวนผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ก็จะลดลงอีกขั้นตอนการเดินทางเข้ามายากขึ้น รวมถึงมาตรการทุกสถานทูตในสถานทูต รวมถึงมาตรการในทุกสถานทูตที่จะมีการคัดกรองในขั้นต้นก่อน

ส่วนกรณีที่ประชาชนยังสับสนการให้ข้อมูลของรัฐบาลที่ไม่ตรงกัน ไม่ใช่ อย่างเมื่อวานนี้ ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ชี้แจงไปแล้ว ว่าอาจจะพูดไม่ครบถ้วน อย่างคำว่าปิด หรือเปิดศูนย์อย่าไปสนใจตรงนี้ ศูนย์ยังคงอยู่ในทุกพื้นที่ รวมถึงสถานที่ที่เตรียมไว้หลายแห่ง ซึ่งหากบางศูนย์ที่ไม่มีคนอยู่แล้วก็ต้องหยุดการปฏิบัติงาน แต่ศูนย์ยังคงอยู่ ไว้พร้อมรักษาการณ์ต่อไป เพราะอาจเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ วันนี้มีคนเข้าออกหลายกลุ่ม แม้จะมีการคัดกรองอย่างเข้มข้นแต่ก็ยังมีอีกหลายกลุ่มที่จะทยอยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอีก เช่นบางส่วนที่เดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ยังไม่กลับเข้ามา

ทั้งนี้ย้ำว่ามาตรการการยกเลิก Visa on arrival 18 ประเทศได้เริ่มต้นและมีผลไปแล้วตามที่ประกาศ ยกเลิกวานนี้ โดยไม่ต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ถือเป็นกฎกระทรวง มหาดไทย ที่สามารถประกาศใช้ได้เลย แโดยตนเป็นผู้อนุมัติ

ส่วนปัญหาระหว่างกรมศุลกากรและกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขากำลังพูดคุยกันอยู่ ทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องของเพจอะไรต่างๆ นายกฯ ชื่นชมทุกเพจ ที่ทำประโยชน์ในการชี้ข้อสังเกตต่างๆ แต่สิ่งที่นายกฯ ป้องกันให้เขาไม่ได้คือการไปกล่าวอ้างชื่อ เพราะเป็นสิทธิ์ที่เขาจะฟ้อง ไม่ใช่เรื่องที่นายกฯ ชมแล้วไม่ต้องฟ้อง แต่ต้องระมัดระวังการกล่าวอ้างชื่อบุคคลเพราะมีสิทธิฟ้องตามกฎหมายต้องระมัดระวังด้วย พวกเราก็เหมือนกัน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา เพราะมีหลายกระแส บางคนก็อยากให้มีการจัดและบางคนก็ไม่อยากให้มี ซึ่งต้องดูความต้องการของประชาชน โดยรัฐบาลมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาว่ามีความเหมาะสมและไม่เหมาะสมอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่า การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทยยังไม่ถึงระยะที่ 3 แม้สถิติในต่างประเทศจะสูงขึ้น แต่ถือว่าประเทศไทยสามารถทำได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าหากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากกว่านี้จะมีมาตรการอย่างไร เพราะมาตรการที่มีอยู่ในขณะนี้ยังไม่ดีสมบูรณ์ที่สุด

ส่วนที่มีการเผยแพร่คลิปฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อใส่ที่ตัวประชาชนโดยตรง ที่บริเวณอนุสาวรีย์​ชัยสมรภูมิ ​นั้น ทีมแพทย์ ระบุว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง โดยนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นคนสั่งว่าอย่าไปทำแบบนั้น เจ้าหน้าที่ควรจะพ่นโดยรอบพื้นที่ และหากประชาชนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็ไม่ควรที่จะเดินเข้าไปในบริเวณนั้น ต้องดูอะไรที่เหมาะสมซึ่งตนคงไม่ได้มีหน้าที่ไปฉีดพ่นเอง ต้องรู้ว่าอะไรที่ควรทำและไม่ควรทำ ขออย่าให้เกิดผลกระทบขึ้น และย้ำว่า ขออย่าไปขยายความในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและทีมแพทย์ว่าให้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเพราะรัฐบาลมีมาตรการอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี โดยตะโกนขอให้นายกฯ สู้ๆ อย่าท้อ และบอกว่าเชื่อมั่นนายกรัฐมนตรี​ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ​เองก็ได้ยกมือชู 2 นิ้ว พร้อมกล่าวว่า "ไม่มีท้อ" "สู้เต็มที่"