ครม.อนุมัติขยายอายุสัญญาสัมปทาน 15 ปี 8 เดือนให้ BEM เป็นสิ้นสุดสัญญาปี 2578 จากเดิมที่จะต้องคืนสัมปทานในสิ้นเดือน ก.พ.นี้ เพื่อแลกจ่ายค่าโง่ 3 แสนล้าน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยร่วมกันแถลง ว่า คณะรัฐมนตรีใช้เวลาในการหารือเรื่องข้อพิพาททางด่วนระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM นานกว่า 2 ชั่วโมง จนมีมติให้มีการขยายอายุสัญญาสัมปทานทางด่วน ส่วน A ช่วงรัชดาฯ-พระราม9, ส่วน B ช่วงพญาไท-บางโคล่, และส่วน C ช่วงแจ้งวัฒนะ-รัชดาฯ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 28 ก.พ. 2563 ออกไปอีก 15 ปี 8 เดือน คือจะสิ้นสุด 31 ต.ค. 2578

ส่วนทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D ช่วงบางปะอิน-ปากเกร็ด ที่จะสิ้นสุดวันที่ 22 เม.ย. 2570 และโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (C+) ที่จะสิ้นสุด 27 ก.ย. 2569 ก็ให้ขยายไปถึง วันที่ 31 ต.ค. 2578 เช่นกัน โดยมีเงื่อนไข ให้ยุติข้อพิพาทระหว่างกันและถอนฟ้องคดีทั้งหมดรวม 17 คดี คิดเป็นมูลค่าหนี้ 78,908 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รัฐไม่ต้องจ่ายเงินส่วนนี้ให้กับบริษัทเอกชนแม้แต่บาทเดียว

ขณะที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า สาเหตุที่จำเป็นต้องเร่งพิจารณาขยายอายุสัมปทานให้กับ BEM เนื่องจากจะสิ้นสุดอายุสัมปทานในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ซึ่งหากปล่อยให้หมดอายุสัมปทานจะต้องมีการประมูลหาผู้ให้บริการรายใหม่ จะไม่สามารถทำสัญญาขยายอายุสัมปทานได้ ในขณะที่มูลค่าหนี้ที่จะต้องจ่ายให้กับ BEM ไม่ได้ยุติ และดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกวัน หากปล่อยให้หมดอายุสัมปทานตามเดิม รัฐจะต้องจ่ายเงินให้กับ BEM รวมเงินต้นและดอกเบี้ย 3 แสนล้านบาท