ศาลฎีกาพิพากษาเป็นที่สิ้นสุด จำคุก 33 ปี 11 เดือน ชดใช้ 1 ล้าน 5 แสนบาท ปิดฉากคดีสิบเอกอุ้มฆ่าเผานั่งยางน้องพลอย ที่ จ.สระบุรี หลังครอบครัวต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมนานกว่า 5 ปี

นางพัชรี ปั้นทอง แม่ของน้องพลอย นางสาวพลอยนรินทร์ ปั้นทอง เดินทางไหว้ศาลหลักเมืองจังหวัดสระบุรี เพื่อขอพรและขอความเป็นธรรม ก่อนมาที่ศาลจังหวัดสระบุรีเพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีลูกสาวถูกฆาตกรรมอำพราง ลักพาตัว และเผานั่งยาง เมื่อ 5 ปีก่อน

คนก่อเหตุ คือ สิบเอกพลกฤต วิเศษ อดีตแฟนของลูกสาว สาเหตุมาจากฝ่ายชายตามง้อขอคืนดี และขอน้องแต่งงาน แต่น้องพลอยไม่ยอม จึงลักพาตัวน้องจากหน้าโรงงาน ที่น้องพลอยทำงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงมือบีบคอจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปเผานั่งยางเพื่ออำพราง ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี

ล่าสุด ศาลจังหวัดสระบุรีพิพากษาตัดสินชั้นฎีกา จำคุก สิบเอกพลกฤต 33 ปี 11 เดือน และสั่งให้ชดใช้เงินจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนบาท โดยระหว่างที่ศาลอ่านคำพิพากษาได้ Video Conference กับผู้ต้องหาที่ติดคุกอยู่ในเรือนจำจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ฟังคำพิพากษาด้วย

และภายในห้องพิจารณามีครอบครัวของผู้ต้องหา เดินทางมาทางมาฟังคำพิพากษา ซึ่งแม่น้องพลอย บอกว่า ไม่ได้มีการกล่าวทักทายหรือขอโทษจากฝั่งคู่กรณี ขออโหสิกรรม ให้อภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ขอเจอกับครอบครัวนี้อีกไม่ว่าชาตินี้หรือชาติต่อไป

ทั้งนี้ ยอมรับคำตัดสินของศาล แม่ใจอยากให้ประหารชีวิต ส่วนที่เหลือ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมลงโทษคนก่อเหตุ

ทีมข่าวช่อง 8 เปิดบันทึกไดอารี่ของคุณแม่ ตั้งแต่คืนแรกที่ น้องพลอยหายตัวไปและคุณแม่ออกตามหาลูกสาว ตลอดระยะเวลา 3 ปี ทั้งเรียกร้องความเป็นธรรม ขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งมาพบศพลูกสาวถูกเผาเหลือแต่โครงกระดูก ซึ่งคุณแม่จดบันทึกทุกเรื่องราวตั้งแต่คืนแรกจนถึง ณ วันนี้

หัวอกคนเป็นแม่ ยังตั้งใจจะติดต่อพูดคุยกับลูกสาวทุกวัน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยส่งข้อความทักทายใน LINE , Facebook แม้รู้ดีว่าจะไม่มีการตอบกลับ แต่เป็นความสุขทางใจที่คนเป็นแม่จะทำได้ ตั้งแต่สูญเสียลูกไป

ข้อความล่าสุด แม่ส่งไลน์หาน้องพลอยเมื่อคืนก่อนมาฟังคำพิพากษา บอกลูกสาวว่า พรุ่งนี้แล้วนะน้องพลอย รู้ไหมวันนี้คิดถึงลูกมากกว่าทุกวันอีก เบื่อนะ ที่เวลาคิดถึงแล้วเจ็บจี๊ด ไม่มีความสุขเลยเวลาที่คิดถึง

ผลการตัดสินฎีกาครั้งนี้ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะ สุดแต่เวรกรรมที่เราสองคนทำมา วันนี้ตอนแม่นอนหลับมาหอมแม่นิดนึงนะ หรือมาสัมผัสก็ได้ อยากรู้ว่าหนูรู้ไหม ว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างจะจบแล้ว

ย้อนกลับไปสมุดบันทึกไดอารี่ของคุณแม่ คืนวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 คูณแม่โทรหาน้องพลอยครั้งสุดท้ายตอน 20:55 น. น้องพลอยตัดสาย จึงเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ เพราะลูกสาวไม่เคยกลับบ้านดึก และมีลางสังหรณ์จากสุนัข ที่บ้าน ที่เป็นตัวโปรดของน้องพลอย หอนโหยหวนกลางดึก มีน้ำตาไหล แม่เริ่มใจไม่ดี จึงออกตามหาลูก ตอนนั้นเวลาประมาณ ตี 4 ขับรถตามหาน้องแถวๆ บ้าน กระทั่งไปเจอพวงกุญแจ และแม่กุญแจ ล็อคโซ่รถจักรยานของน้องตกอยู่ ซึ่งแม่จำได้เพราะเป็นคนซื้อให้เอง

ตอนนั้นเชื่อแล้วว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นกับลูก แต่ยังไม่เชื่อว่าถูกอุ้มฆ่า โดยฝีมืออดีตแฟนที่เป็นทหาร เพราะเช้าวันรุ่งขึ้น อดีตแฟนรายนี้ ยังโทรมาหาแม่ ถามข่าวที่น้องพลอยหายตัวไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แม่ก็สงสัย จึงถามกลับว่าเอาตัวน้องไปหรือไม่ / เจ้าตัวยังยืนยันไม่ได้พาไป ก่อนตัดสินใจเข้าแจ้งความ

หลังแจ้งความกับโรงพักท้องที่ ผ่านไปกว่า 7 เดือน ไม่มีความคืบหน้า แม่ยังไม่ทราบชะตากรรมของลูกสาว เดินหน้าหาพยานหลักฐาน และตามสืบคดีด้วยตัวเอง จนได้ข้อมูว่า มีรถเก๋งสีดำ พาตัวน้องพลอยไปจากแถวๆ โรงงาน โดยเอารถจักรยานใส่ท้ายรถไปด้วย คุณแม่จึงไล่กล้องวงจรปิด และขอให้ค่ายโทรศัพท์มือถือช่วยตามสัญญาณโทรศัพท์ จนพบว่าสัญญาณหายไป ใกล้ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่จังหวัดลพบุรี ทำให้ยิ่งปักใจเชื่อว่า อดีตแฟนที่เป็นทหาร มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูกสาว

ตลอดปี 2558 - 2559 คุณแม่ พยายามเอาหลักฐานทั้งหมด ไปแจ้งความร้องทุกข์ ต่อหน่วยงานต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ความคืบหน้าเท่าที่ควร


กระทั่งปี 2560 พบศพไร้ญาติถูกเผา ในพื้นที่แก่งคอย จังหวัดสระบุรี ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็น ศพของน้องพลอย เมื่อตรวจ DNA พบว่าตรงกัน พยานหลักฐานชี้ไปที่อดีตแฟนทหาร ตำรวจจึงออกหมายจับ นำมาสู่การจับกุมตัว

อดีตแฟนทหาร สารภาพว่า อุ้มน้องพลอยขึ้นรถเก๋งสีดำ บังคับให้น้องแต่งงานไปอยู่ด้วย แต่น้องไม่ยอม จึงมีปากเสียงทะเลาะกันบนรถ ลงมือบีบคอจนน้องเสียชีวิต ก่อนนำศพไปนั่งยางเผาอำพรางคดีในป่าริมทาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ปิดคดี 3 ปี ที่แม่ออกตามหาลูกที่ตายด้วยมือของคนร้ายที่เป็นอดีตคนรัก

แม้ว่าสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ แต่กระบวนการยุติธรรมยังไม่จบเท่านั้น 2 ปี หลังจากนั้น แม่น้องพลอยต้องต่อสู้ขึ้นโรง ขึ้นศาล เรียกร้องความเป็นธรรม แม้ว่าจะไม่ได้ชีวิตของลูกสาวกลับคืน แต่สิ่งที่แม่ต้องการคือเอาคนผิดติดคุก และวันนี้ขอยอมรับคำตัดสินของศาล

แม่น้องพลอย รู้สึกว่าตลอด 3 ปี กระบวนการยุติธรรมถูกแบ่งแยก แบ่งชนชั้น ประชาชนตาสีตาสาทั่วไป ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม เป็นเรื่องที่ยากและเหนื่อยมาก แทบไม่ได้รับความร่วมมือ หรือการอำนวยความสะดวก พยานหลักฐานสำคัญหลายอย่างกลายเป็นว่าผู้เสียหาย จะต้องเป็นคน ไปตามหาเอง พอหามาให้ เจ้าหน้าที่กลับมองข้าม

ด้านทนายความ ระบุว่า จุดบอดของกระบวนการยุติธรรมเริ่มตั้งแต่การสืบสวนสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่เกิดขึ้นตัวผู้เสียหายจะต้องดิ้นรนและพึ่งพาตัวเอง หาพยานหลักฐานต่างๆ นาๆ ซึ่งคดีลักษณะนี้หากไม่ให้ความสำคัญหรือปล่อยปละละเลยจะทำให้เกิดการอุ้มฆ่าอำพรางศพ ตามมาอีกมากมาย และไม่สามารถจับคนร้ายได้ 

 

 

ปิดฉากวันนี้! 5 ปี แม่สู้คดีน้องพลอย ถูกทหาร "อุ้มฆ่า-เผานั่งยาง"