เจ้าอาวาสโต้ อดีตไวยาวัจกรวัดสุทธิวราราม หลังร้องเรียนว่า พบการทุจริตเงินวัดสุทธิวราราม 95 ล้าน ยืนยันมีหลักฐานชี้แจงความบริสุทธิ์ได้ทุกเรื่อง

พระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม นำเอกสารให้คุณกานต์สินี สิทธิโชติพงศ์ ผู้สื่อข่าวช่อง8 ดู พร้อมชี้แจงถึงจำนวนเงินของวัดกว่า 100 ล้านบาท หลังถูกนายชาญณรงค์ เพียรดี อดีตไวยาวัจกรวัด ทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักพระพุทธศาสนาว่า พบการทุจริตเงินภายในวัด

เจ้าอาวาสระบุว่า เริ่มดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อปี 2555 วัดมีเงินในบัญชี 80 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินผาติกรรม หรือเงินที่ได้จากการเวนคืนที่ดินจากภาครัฐให้วัด ซึ่งห้ามนำออกมาใช้ ใช้ได้เพียงดอกเบี้ย และวัดยังมีรายได้จากเงินค่าเช่าที่ เเละเงินบริจาค รวมตอนนี้มีประมาณ 120 ล้านบาท

ยืนยันตลอด 7 ปี ที่ดำรงตำแหน่งมีหลักฐานรายรับ-รายจ่ายของวัดชัดเจน ไม่เคยยักยอก หรือนำเงินไปใช้ส่วนตัว แต่จำนวนเงินที่ถูกร้องเรียนนั้น ถูกนำไปบูรณะปฏิสังขรณ์วัด นำไปเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆของวัด รวมถึงเป็นเงินทุนการศึกษาที่มอบให้กับนักเรียนวัดสุทธิวราราม

ซึ่งได้ทำหนังสือชี้แจงพร้อมแนบหลักฐานที่เป็นรายรับ - จ่าย ไปให้สำนักพระพุทธศาสนาหมดแล้ว และทางสำนักพระพุทธศาสนาก็ไม่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม วัดสามารถชี้แจงข้อสงสัยได้ทั้งหมด

ส่วนประเด็นข้อสังเกตที่มีคนระบุว่า ทางวัดเผาศพไหม้ไม่หมด แล้วนำไปโยนทิ้งน้ำนั้น ยืนยันว่า หากเป็นเรื่องจริง คงมีญาติร้องเรียนมาแล้ว เนื่องจากต้องเก็บอัฐิหลังจากเผาร่างเสร็จไปดำเนินการต่อ

แต่ยอมรับว่า มีการขายขี้เถ้ากระดาษเงินกระดาษทองที่ใช้ในการเผาศพจริง เเต่ไม่ใช่กระดูกหรืออัฐิผู้เสียชีวิต ถือเป็นการกำจัดขยะวัด โดยผู้รับซื้อจะนำไปเป็นปุ๋ย

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การออกมาร้องเรียน อาจเป็นเพราะนายชาญณรงค์ ไม่พอใจที่ถูกลดอำนาจที่เคยมอบหมายให้เก็บค่าที่จอดรถวัด และให้เลิกกิจการห้องนวด เพราะถูกชาวบ้านร้องเรียนว่า ปิดดึกและมีเรื่องผู้หญิงไม่เหมาะสม จึงทำให้ขาดรายได้

ขณะที่นายชาญณรงค์ ผู้ร้องเรียนเองก็มั่นใจในหลักฐานที่ตัวเองมี พร้อมยืนยันว่า มีการทุจริตยักยอกเงินของวัดมูลกว่า 95 ล้านบาท นำไปซื้อที่ดินสปก.ที่จังหวัดสระบุรี และที่จังหวัดเชียงราย

 นายชาญณรงค์ยังเปิดคลิปชายที่อ้างว่า เป็นคนเก็บกวาดของวัด ที่รับสารภาพกับตนว่า ร่วมมือกับเด็กวัดบางคน นำชิ้นส่วนที่เผาไหม้ไม่หมดไปทิ้งน้ำเจ้าพระยา เคยแจ้งให้เจ้าคณะ มาตรวจสอบแล้ว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 แต่เรื่องกลับเงียบ ยืนยันการกระทำของตนไม่ใช่การผูกใจเจ็บ แต่ต้องการให้มีการตรวจสอบ

พร่อมกันนี้ ยังระบุว่า จากนี้ตนจะเดินหน้าร้องเรียน และขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด

อดีตไวยาวัจกร เปิดโปงขบวนการทุจริตวัดดังกลางกรุงฯ