วันนี้่เลขาฯ ป.ป.ช. แถลงข่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ ชี้มูล 3 คดีใหญ่ ทั้งคดี นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับภรรยา และพวก ทุจริตสนามฟุตซอล คดีที่สองคือ ชี้มูลความผิด นายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชา ร่ำรวยผิดปกติ 216 ล้านบาท ในคดีทุจิริตเงินทอนวัด และคดีสุดท้าย ชี้มูลความผิด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ทุจริต คดีสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง และ แฟลตตำรวจ 163 หลัง

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 8 เสียง ขาด 1 เสียงที่ไม่ได้เข้าประชุมคือ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ ชี้มูลความผิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับพวก รวมทั้งคณะกรรมการประกวดราคา ในคดีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักตำรวจ 396 แห่ง และ โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) 163 หลัง

ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน โดยกรรมการ ป.ป.ช. 9 รายเป็นองค์คณะเพื่อไต่สวนกรณีดังกล่าว หลังจากนั้นองค์คณะฯได้มีความเห็นในคดี ก่อนส่งเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา และมีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ก่อนหน้านี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เคยเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากับองค์คณะไต่สวน ป.ป.ช. อย่างน้อย 3 ครั้ง โดยยืนยันในความบริสุทธิ์รวมทั้งเคยประกาศเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

ทั้งนี้ให้ส่งเรื่องรายงาน เอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป

ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ในคดีทุจริตคดีเงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัด งบประมาณเผยแพร่พระพุทธศาสนาและงบอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมวัดหลายแห่ง หรือ เงินทอนวัด หลังนายพนม มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ผลการไต่สวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่าพบเงินฝากและทรัพย์สินต่างๆ ของนายพนม และบุคคลใกล้ชิด รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น กว่า 216 ล้านบาท / พร้อมมติสั่งอายัดทรัพย์สิน กว่า 44 ล้านบาท และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป

สำหรับนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. ถูกจับกุมได้ที่บ้านพัก ถนนพุทธมณฑลสาย 4 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 พร้อมพวกอีก 9 ราย ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการและข้าราชการ พศ. ยังเหลือเพียงนางสาวประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ.ที่ยังหลบหนีคดีเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว รวมทั้งนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.ผู้ต้องหารายสำคัญ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกรณีเงินทอนวัดทั้งหมดอีกรายด้วย แนวทางสืบสวนพบว่า นายนพรัตน์ยังหลบหนีอยู่ที่สหรัฐฯ

นอกจากนี้ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และ นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ภรรยา พ่อ - แม่ของรัฐมนตรีช่วยคมนาคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ กับพวก รวม 24 ราย ประกอบด้วย ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ราย ข้าราชการ 11 ราย เอกชน 10 ราย กรณีทุจริตในการจัดสรรงบประมาณเพื่อทำการก่อสร้างสนามฟุตซอลไม่สามารถใช้งานได้จริง ในเขต 2 จังหวัดนครราชสีมา จากงบแปรญัตติ ในปีงบประมาณ 2555 วงเงินประมาณ กว่า 4 พันล้านบาท

จากการไต่สวนข้อเท็จจริง จากพยานหลักฐาน สรุปได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหา มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริต อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ มีลักษณะมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานตามรูปแบบรายการและวิธีการก่อสร้าง สนามกีฬาไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

ด้านนายวิรัช ได้แถลงข่าว ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการทุจริตสนามฟุตซอล ตามที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด โดยมีรายชื่อระบุเป็นนายวิรัช ได้รับเงิน 300 ล้านบาท พร้อมกับยื่นหนังสือทักท้วง

นายวิรัช ชี้แจงว่า เอกสารที่ปรากฎเป็นบัญชีคุมยอด รายการแปรญัตติเพิ่มปี 2555 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ไม่มีหน่วยงานใดรับเป็นเจ้าของ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ พร้อมยืนยัน ไม่ได้รับเงินจำนวนนี้อย่างแน่นอน

ด้านนายทศพล เพ็งส้ม ทนายความส่วนตัวนายวิรัช ที่ดูแลการดำเนินคดีดังกล่าว ระบุว่า เบื้องต้นได้ทำหนังสือไปยัง ป.ป.ช. เพื่อสอบถาม 3 ประเด็นหลักคือ การได้มาซึ่งเอกสารโดยไม่มีการรับรอง ป.ป.ช.ควรสอบถามทุกพรรคการเมือง ที่มีรายชื่อ และทำหนังสือถึงสำนักงบประมาณเพื่อตรวจสอบที่มาที่ไป หากมีการดำเนินคดีกับนายวิรัช ในฐานความผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง ก็ควรเอาผิดกับทุกพรรคการเมือง ที่ปรากฎรายชื่อด้วย และหาก ป.ป.ช. ไม่ดำเนินการ จะดำเนินคดีกับ ป.ป.ช. เนื่องจากอนุกรรมการไต่สวนฟังข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน