เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ เข้าพบแม่ "จ่านิว" แจ้งสิทธิรับค่าตอบแทนผู้เสียหายจากการกระทำความผิดทางอาญา พร้อมแนะวิธีเข้าสู่มาตรการคุ้มครองพยาน ขณะเจ้าตัวยังอยู่ในห้องไอซียู

กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ทำงานเชิงรุกภายใต้นโยบาย “Justice Care/ยุติธรรมใส่ใจ“ ได้ส่งหน้าหน้าที่เดินทางไปโรงพยาบาลมิชชั่น เพื่อเข้าไปแจ้งสิทธิและรับคำขอรับเงินค่าตอบแทนในฐานะเป็นผู้เสียหาย ที่มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนความเสียหายที่เกิดขึ้น

อันเนื่องมาจากมีการกระทำความผิดอาญาของผู้อื่นตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พร้อมให้คำแนะนำข้อกฎหมาย รวมถึงวิธีการเข้าสู่มาตรการคุ้มครองพยานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 แก่ "จ่านิว" นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์

ซึ่งได้พบนางพัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาจ่านิว แจ้งว่า ขณะนี้จ่านิวยังคงพักรักษาตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วยขั้นวิกฤต (ICU) เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งสิทธิและรับคำขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา รวมถึงแจ้งหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองพยานดังกล่าว

ในเบื้องต้น มารดาจ่านิวมีความประสงค์จะขอรับการคุ้มครองพยาน แต่เนื่องจากขณะนี้ จ่านิวยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ มารดาจึงขอให้เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ ติดต่อกลับมาในภายหลังอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับกรณีหลายฝ่ายอยากให้เป็นคดีพิเศษนั้น ในชั้นนี้เบื้องต้นกระทรวงยุติธรรมเห็นว่า กรณีดังกล่าวยังอยู่ในชั้นของเป็นคดีอาญาอื่น ที่ไม่ได้กำหนดอยู่ในท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ

ซึ่งคดีดังกล่าว จะสามารถเป็นคดีพิเศษได้ ต่อเมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้อง และต่อมาคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติด้วยคะแนนสองในสามของคณะกรรมการทั้งหมด

โดยคดีนั้น ต้องเป็นคดีที่มีการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท และบทใดบทหนึ่งจะต้องดำเนินการโดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือคดีที่มีการกระทำความผิดหลายเรื่องต่อเนื่องกัน หรือเกี่ยวพันกัน

และความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะต้องดำเนินการโดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจสืบสวน สำหรับความผิดบทอื่นหรือเรื่องอื่นด้วย และให้ถือว่าเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) จึงจะเป็นคดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินคดีได้

อย่างไรก็ตาม กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการให้มีการสืบสวนตามทางข้างในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า คดีความผิดทางอาญาใดเป็นคดีพิเศษมาตรา 23/1 วรรคสอง คู่ขนานไปกับการปฎิบัติงานของฝ่ายตำรวจด้วย ทั้งนี้ เพื่อทราบข้อเท็จจริงและสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจอย่างเต็มที่