การจัดตั้งรัฐบาล ยังคงออกได้หลายสูตร หลายทาง เพราะ "เพื่อไทย" และ "พลังประชารัฐ" ประกาศชัดเจนว่า จะแข่งกันจัดตั้งรัฐบาล แต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีใครได้เสียงชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เมื่อ"เพื่อไทย"ประกาศมี 6 พรรคร่วมจับมือชัด แต่สิ่งที่แปลก คือ "พลังประชารัฐ" ที่ยืนนิ่งๆ กลับมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า จะได้ตั้งรัฐบาลแน่นอน

หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ทั้งสองฝ่ายพยายามรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยฝั่ง"เพื่อไทย"ออกสตาร์ทก่อนด้วยการจูง 6 พรรคการเมืองลงสัตยาบัน ทั้งอนาคตใหม่ เสรีรวมไทย ประชาชาติ เพื่อชาติ และพลังปวงชนไทย  อาจจะบวกเพิ่มอีกหนึ่งพรรค คือ เศรษฐกิจใหม่ ที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรค เพิ่งประกาศยืนยันชัดเจนไม่ร่วมรัฐบาลกับ"พลังประชารัฐ"

แต่ฝั่ง"พลังประชารัฐ"แม้จะนิ่งเงียบไม่ประกาศจะมีพรรคใดอยู่ในมือแล้วบ้าง แต่แกนนำพรรคหลายคนกลับแสดงความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เพื่อหนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกสมัย อาจเป็นเพราะรู้ดีว่า การเมืองแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ถ้าเจรจาลงตัว

ท่ามกลางกระแสข่าวส่งมือประสานจากแกนนำรัฐบาลหลายคนอาทิ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไปชักชวนส.ส.งูเห่าจากเพื่อไทย และอนาคตใหม่ มาร่วมรัฐบาล เพื่อให้มีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งให้ได้มากที่สุด

แต่แม้การจับขั้วยังไม่ชัดเจน แต่แหล่งข่าวทหารระดับสูงสาย"พลเอก ประยุทธ์"บางคนถึงกับกล้าการันตีเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ว่า สูตรแรก และสูตรเดียวตอนนี้ คือ พลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ยังไม่มีแผนรัฐบาลแห่งชาติ แม้สุดท้ายอาจจะต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ตาม

"สมศักดิ์" มั่นใจ "พลังประชารัฐ" ตั้งรัฐบาลได้แน่นอน 

โดยการเคลื่อนไหวของแกนนำพลังประชารัฐสายกลุ่มสามมิตร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการจัดงานรดน้ำดำหัวอวยพรและเตะฟุตบอลกระชับมิตร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ที่สนามกรีนฟิลด์ ซอยมัยลาภ กรุงเทพฯ นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์ หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พร้อมด้วย นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง และนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค รวมทั้งข้าราชการ บุคคลทั่วไปร่วมงานอย่างคึกคัก

นายสมศักดิ์ กล่าวแสดงความมั่นใจถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ไม่ต้องเป็นห่วงและกังวลใจ ดูสถานการณ์ล่าสุดแล้วเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่า ช่วงนี้จะมีข่าวหลายกระแสเผยแพร่ออกไป เช่น เรื่องข้อเสนอการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่วันนี้กกต.ยังไม่ได้รับรอง ส.ส.และยังต้องมีการเลือกตั้งในบางเขตอีกหรือไม่ เพราะมีเรื่องร้องเรียน กกต.อยู่เยอะพอสมควร จึงต้องรอกกต.รับรองผลในวันที่ 9 พ.ค.นี้

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อท่านเลือกพรรคพลังประชารัฐ จะได้รัฐบาล และได้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกครั้งแน่นอน ซึ่งพรรคจะสานต่อนโยบายต่างๆ ที่ดีของรัฐบาลปัจจุบัน ทั้ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และนโยบายหลักที่พรรคพลังประชารัฐได้วางไว้ เช่น โครงการช่วยเหลือชาวนา ซึ่งเมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วเราจะรีบทำโครงการเหล่านี้ต่อเนื่องได้ทันที ไม่ต้องรอนานเหมือนพรรคอื่นๆ ทุกคนอย่าเป็นห่วง หายเจ็บหายจนแน่นอน

"พลังประชารัฐ" ชี้ "เพื่อไทย" หมดสิทธิ์ตั้งรัฐบาล หากส.ว.ไม่หนุน

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นอีกคนที่พูดมาคำเดิม และคำเดียวมาตลอดว่า พรรคพลังประชารัฐจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน โดยพลเอกประยุทธ์จะได้รับการสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย หลังวันที่ 9 พ.ค. ก็จะมีการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ

ส่วนพรรคเพื่อไทยก็สามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน หากพรรคเพื่อไทยกับพรรคพันธมิตรได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส.และ ส.ว.ครึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา หรือ 375 เสียงขึ้นไป ซึ่งในความเป็นจริงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้นต้องยอมรับความจริงได้แล้ว และไม่ต้องโทษกติกา เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ทุกคนเข้าสู่สนามการเลือกตั้งภายใต้กติกาตามรัฐธรรมนูญอย่างเท่าเทียมกัน

เมื่อ พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ จะสานงานต่อในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ การดูแลภาคเกษตรโดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร รวมถึงการท่องเที่ยว และการคมนาคมให้ดียิ่งขึ้น

"เพื่อไทย"อาจเปลี่ยนหัวหน้าพรรค หากนั่งฝ่ายค้าน

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย มีรายงานข่าวแจ้งว่า พรรคเพื่อไทยกำลังพิจารณาเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ หากไม่ได้เป็นรัฐบาล และต้องเป็นฝ่ายค้าน

เนื่องจาก พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่ง ไม่ได้เป็น ส.ส. เพราะถ้าเป็นรัฐบาล อาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหัวหน้า

แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน อาจต้องเปิดประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่เป็นส.ส.แต่ความชัดเจนต้องรอหลังวันที่ 9 พ.ค. ที่ กกต.จะประกาศรับรองผล

หากเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่จริง ต้องเป็นที่ยอมรับของ ส.ส.ส่วนมาก และต้องทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาได้ด้วย โดยมีข่าวว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาจขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป

“หมอระวี”สวมบทหมอดู ทำนายจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล 

ขณะที่นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ออกมาสวมบทหมอดู ทำนายการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ว่า ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา คะแนนเสียงของทั้งสองพรรคใหญ่ใกล้เคียงกัน ทำให้อาจเกิดรัฐบาลปริ่มน้ำขึ้นได้

ซึ่งตนมองว่า อาจเกิดรัฐบาลได้ 4-5 รูปแบบ คือ แบบที่ 1 รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ซึ่งพรรคร่วม 6 พรรค คะแนนทั้งหมดประมาณ 240 เสียง แต่ถ้าให้ปลอดภัย เพื่อไทยต้องหาคะแนนเสียงส.ส.ให้ได้มากกว่า 376 เสียง ซึ่งเป็นไปได้ยากพอสมควร

แบบที่ 2 พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยร่วมกับพรรคอื่นๆที่เหลือทั้งหมด รวมถึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ด้วย ยกเว้นพรรคที่ไปร่วมลงสัตยาบันกับพรรคเพื่อไทย ทำให้มีคะแนนทั้งหมด 259 คะแนน โดยมีฝ่ายค้าน 6 พรรค ในฝั่งของพรรคเพื่อไทย 240 เสียง แต่จะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านเพียง 19 เสียงเท่านั้น น่าจะเป็นรูปแบบของรัฐบาลที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด แต่จะเป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพพอ 

อาจจะต้องเป็นแบบที่ 2 พลัส คือ ไปดึงพรรคประชาชาติมาด้วย เพื่อทำให้มีเสียงทั้งหมด 266 เสียง ส่วนฝ่ายค้านเหลือ 233 เสียง แบบนี้ก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้น

หรือ พรรคพลังประชารัฐ อาจจะต้องดึงงูเห่ามาจาก 5 พรรคที่เหลือ สมมติ ถ้าดึงมาได้ 10 เสียง ก็จะเป็นรัฐบาลงูเห่ามีเสียงทั้งหมด 276 เสียง ฝ่ายค้านมี 223 เสียง

"พลังประชารัฐ" มั่นใจ "ลุงตู่" นั่งนายกฯ - "เพื่อไทย" เตรียมเป็นหัวหน้า หากเป็นฝ่ายค้าน