พรรคการเมืองขนาดเล็กที่มีลุ้นได้ ส.ส.หากคิดตามสูตร กกต. และกรรมการ่างรัฐธรรมนูญ ออกมายืนยันสิทธิของตัวเอง ขอให้พรรคใหญ่เคารพคะแนนเสียงประชาชน ขณะที่อดีต กกต.สมชัย ศรีสุทธิยากร คำนวณคะแนนให้สื่อดู ย้ำหาก กกต.เดินหน้าตามสูตรเดิมจะขัดรัฐธรรมนูญ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อธิบายการคำนวณสัดส่วน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยนำเสนอที่ละขั้นตอนตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งการคำนวณของนายสมชัย ยังคงเป็นรูปแบบเดิมกับที่เคยออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้ โดยยึดรัฐธรรมนูญที่ไม่สามารถจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อให้พรรคการเมืองมากกว่าจำนวน ส.ส.ที่พรรคนั้นพึงมี ซึ่งหมายความว่าเมื่อนำคะแนนเฉลี่ยต่อ 1 เก้าอี้ ส.ส. คือประมาณ 71,057 คะแนน มาหารคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับ จะมี 16 พรรคการเมืองที่ได้จำนวน ส.ส.พึงมี คือตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ส่วนพรรคลำกับที่ 17 เป็นต้นไปต้องตัดทิ้ง เพราะหากให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะผิดรัฐธรรมนูญ คือได้ ส.ส.มากกว่าจำนวน ที่พรรคนั้นพึงมี (อธิบาย พรรคที่ได้ 0.XXXX เป็นต้นไป)

ขณะที่พรรคการเมืองขนาดเล็ก ซึ่งหากยึดตามสูตรคำนวณจาก กกต. ที่ยึดเจตนารมณ์คะแนนไม่ตกน้ำ พรรคเหล่านี้จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 เก้าอี้ ออกมาแสดงความเห็น เช่นพรรคพลังธรรมใหม่ ที่มีนายแพทย์ระวี มาศฉมาดล เป็น หัวหน้าพรรค ยืนยันว่าสูตรการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นหลักการเดิม ที่มีตั้งแต่การยกร่างกฎหมายแล้ว ซึ่งพรรคพลังธรรมใหม่ได้เคยสอบถาม กกต.ก่อนหน้านี้ และได้รับคำตอบชัดเจนว่าต้องนำคะแนนของทุกพรรคการเมืองมาเกลี่ยใหม่ เพื่อจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เมื่อเกิดปัญหาพรรคการเมืองได้ ส.ส.เขตมากกว่าจำนวน ส.ส.ที่พึงมีของพรรคนั้น ยกตัวอย่างเพื่อไทย ได้ 137 เขต จากจำนวน ส.ส.ที่พึงมีประมาณ 111 ที่นั่ง หรือ over hang แต่การนำเสนอว่านำคะแนนมาเกลี่ยให้พรรคเล็ก ที่ได้คะแนนไม่ถึงคะแนนเฉลี่ยต่อ 1 ที่นั่ง ส.ส.ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เชื่อว่าการที่พรรคขนาดใหญ่ออกมาเรียกร้องเพราะถูกตัด ส.ส.ไปจำนวนมาก ทำให้รวมเสียงไม่ถึง 251 เสียง พรรคอนาคตใหม่ที่ได้สัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อมากที่สุด คือ 58 คน ก็จะหายไปมากที่สุด พร้อมย้ำว่า การสนับสนุนให้ กกต.ยึดหลักการนี้ ไม่ได้เกิดจากจะทำให้พรรคได้ ส.ส. 1 คน แต่เชื่อว่า กกต.ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ซึ่งไม่ว่าการคำนวณจะออกมาแบบใด ก็ไม่เป็นปัญหากับพรรคพลังธรรม ไม่ว่าจะมี ส.ส.หรือไม่ก็ตาม แต่ต้องยึดหลักการเคารพทุกคะแนนเสียงของประชาชน

และไม่เห็นด้วยที่ถูกระบุว่าการไม่เห็นด้วยกับสูตรคำนวณของพรรคใหญ่ เช่น เพื่อไทย และอนาคตใหม่ เพราะพรรคเล็กต้องการได้ที่นั่ง ส.ส.ไปสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่าพรรคการมืองใดจะไปสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐบ้าง และก่อนหน้านี้พรรคพลังธรรมใหม่ เคยประกาศไว้ว่าแม้จะมี 1 เสียง ก็อยากเป็นฝ่ายค้านอิสระ แต่จะตัดสินใจสนับสุนฝ่ายใดหรือไม่ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคตัดสินใจ