พลังประชารัฐ มั่นใจ รวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล แต่ยืนยันพรรคร่วมต้องหนุน "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เป็นนายกฯเท่านั้น พร้อมปฏิเสธข่าวนัดแกนนำพรรคจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ทุกอย่างมีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่ต้องรอดูเรื่องผลการเลือกตั้งที่ต้องให้มีความชัดเจนมากขึ้นด้วย โดยพรรคยังมั่นใจว่า ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นได้ในเวลาไม่นานมากนัก แต่ต้องให้ทุกฝ่ายได้พูดคุยกันก่อน

ส่วนข่าวว่า มีการนัดแกนนำ 10 พรรค มาพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านพักของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ภายในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์นั้น

นายสนธิรัตน์ ปฏิเสธว่า ไม่ทราบ แต่เห็นนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาปฏิเสธแล้ว แสดงว่า ไม่น่าจะเป็นความจริง ส่วนเรื่องต่อรองตำแหน่ง ยังถือว่ายังเร็วไปที่จะพูด เอาเป็นว่าพรรคมั่นใจ และมีการพูดคุยกับหลายพรรค แต่ขอสงวนชื่อไว้ก่อน

พอถูกนักข่าวซักว่า ทุกพรรคยอมให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ ตอบว่า ยังไม่ทั้งหมด ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่หลักการของพรรค เวลาจะไปเจรจากับใคร จะไม่เอาตำแหน่งนายกฯไปล่อพรรคอื่นให้มาร่วมรัฐบาล เพราะพรรคยืนยันเจตนารมณ์ จะเสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ
ดังนั้นหากใครเข้าร่วมกับพลังประชารัฐ ต้องสนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ พรรคจะไม่ยอมมอบตำแหน่งนายกฯ ให้กับใคร

ด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า "ไม่จริงๆ" พร้อมส่ายหน้า

พอนักข่าวถามว่า พอใจกับคะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พลเอกประวิตรไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว แค่ส่งยิ้มให้กับผู้สื่อข่าวเท่านั้น ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องประชุมไปในทันที

ขณะที่รายงานข่าวจากฝั่งรัฐบาลอ้างว่า ขณะนี้พลเอกประวิตร และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พร้อมแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ได้เจรจากับพรรคการเมืองเกือบ 10 พรรคให้เข้าร่วมรัฐบาลแล้ว อาทิ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา รวมพลังประชาชาติไทย พลังท้องถิ่นไท และรักษ์ผืนป่าประเทศไทย (รวม 247 เสียง) เพื่อหนุนพลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

เบื้องต้นพรรคทั้งหมด ยืนยันจับมือกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว และเตรียมทาบทามส.ส.จากพรรคอื่นจากฝ่ายประชาธิปไตยให้ยกมือสนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ ด้วย เพื่อให้มีคะแนนเสียงเกิน 251 เสียง

แต่มีกระแสข่าวว่า สาเหตุการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐยังไม่เรียบร้อย เพราะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ไม่ยอมรับทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด ที่จะให้ทีมชุดเดิมทำงานต่อ เพราะทั้งสองพรรคไม่พอใจการทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

มาดูความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย ตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล โดยนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย กล่าวปฏิเสธไม่ทราบเรื่องการจับมือตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร แต่พรรคมีมติชัดเจนให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเป็นผู้ประสานการจัดตั้งรัฐบาลทั้งหมด

ส่วนแนวโน้มจุดยืนของพรรคว่าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคใดนั้น ยังไม่มีความคืบหน้า อยู่ระหว่างการหารือกัน แต่ยังไม่ได้กำหนดท่าทีชัดเจน

อย่างไรก็ตามก่อนการเลือกตั้ง ทุกพรรค รวมถึงเพื่อไทย เคยลงสัตยาบันระหว่างพรรคว่า แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องเป็นพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 แต่วันนั้นไม่มีพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วม

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ หรือ เพื่อไทย ใครเหมาะสมตั้งรัฐบาลมากกว่ากันนั้น นายสรอรรถกล่าวว่า ตัวเลขยังไม่นิ่ง ทุกฝ่ายก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ประเด็นสำคัญคือใครสามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ก่อน ขอให้ใจเย็นๆ การตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักการและเหตุผล

ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะไปร่วมกับพรรคใดเช่นกัน นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค ก็ปฏิเสธข่าวการไปหารือจัดตั้งรัฐบาลที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเช่นกัน โดยยืนยันว่า ยังไม่มีตัวแทนจากพรรคการเมืองใดทาบทามให้ร่วมรัฐบาล และหากได้รับการทาบทามต้องพิจารณาในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องว่า พรรคพลังประชารัฐ แบะพรรคเพื่อไทยจะเสนอบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี

เช่นเดียวกับ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ยังไม่ได้ต่อสายตรงพูดคุยกับใครและไม่มีใครโทรหาเพื่อเจรจา จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต้องรอความชัดเจนผลการ เลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อน

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุมีชื่อนายจุรินทร์ ไปคุยจัดตั้งรัฐบาล ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรคยังไม่หารือเรื่องจัดตั้งรัฐบาล และไม่ได้มอบหมายให้ผู้ใดไปเจรจาในเรื่องนี้

เช่นเดียวกับ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า ช่วงนี้มีข่าวปล่อยออกมาเยอะจริงๆ ผมขอเรียนว่า ความชัดเจนจะออกมาเมื่อมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และลงมติ สำหรับตัวผมเอง ขอยืนยันว่า "ยังไม่เคยเดินทางไปเจรจาจัดตั้งรัฐบาลที่ไหนกับใครทั้งสิ้นครับ"

ทั้งนี้ นายกรณ์ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเป็นครั้งที่ 2 หลังประกาศผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ โดยก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า พรรคจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย

ขณะที่นายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคว่า ขอชื่นชมสปิริตของอดีตหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค ถือเป็นตัวอย่างของนักการเมือง

จากนี้ ต้องมีการสรรหากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งกรรมการชุดใหม่จะทำหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องสำคัญในการเลือกอนาคตของพรรค เช่น การจะร่วมรัฐบาลกับพรรคใด แต่ควรรอให้ ส.ส.ใหม่ผ่านการรับรองจากกกต. จากนั้นค่อยจัดประชุมเพื่อหามติจาก ส.ส.ทั้งหมดของพรรค

ส่วนความขัดแย้งภายในพรรคยังดุเดือด จากกรณีที่นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลกของพรรคโจมตีนายอภิสิทธิ์ อดีตหัวหน้าพรรคว่า กำหนดแนวทางการเมืองผิดพลาด จนทำให้พรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้ง

วานนี้ นายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรค ออกมาตอบโต้ว่า พรรคไม่ได้มีหน้าที่แค่ชนะเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่รักษาอุดมการณ์ ความถูกต้องด้วย

ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเป็นความเจ็บปวดของผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน แต่ผู้สมัครที่มีสปิริต และมีความรับผิดชอบทางการเมืองไม่ควรโทษคนอื่น หรือ หาแพะเพื่อรองรับอารมณ์ตัวเอง โยนความผิดให้หัวหน้าพรรค

หากอึดอัดที่พรรคยึดอุดมการณ์ หมอวรงค์ก็มีทางเลือกที่จะย้ายไปสังกัดพรรคไหนก็ได้ที่ถูกจริตกับตัวเอง แต่อย่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคา หรือคิดเผาบ้านตัวเอง เพราะพฤติกรรมแบบนั้นถือว่าเนรคุณพรรคที่ให้กำเนิดทางการเมือง

แต่ไม่แปลกใจกับจุดยืนเช่นนี้ เพราะก่อนลงสมัครเลือกตั้ง หมอวรงค์เคยเดินตามก้นนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และเกือบจะได้เป็นผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย ก่อนจะโดนปฏิเสธจากพรรคดังกล่าว จนต้องมาพึ่งใบบุญพรรคประชาธิปัตย์

"พลังประชารัฐ" ปัดข่าว นัดแกนนำพรรคคุยจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร