หลังประกาศใช้ พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร พ. ศ. 2562 เก็บภาษีผู้ค้าออนไลน์ ที่รับโอน 3 พันครั้งต่อปี หรือมียอดเงิน 2 ล้านบาทต่อปี ต้องถูกสรรพากรตรวจสอบ ทีมข่าวช่อง 8 ได้ไปถามความเห็นกลุ่มผู้ค้าออนไลน์

ภายหลังมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร พ. ศ. 2562 โดยมีสาระสำคัญคือ ให้สถาบันการเงินต้องรายงานข้อมูลของบุคคล และนิติบุคคล ที่มีความเคลื่อนไหวทางบัญชีในการทำธุรกรรม ในการฝาก หรือรับโอนเงินทุกบัญชี จำนวน 3,000 ครั้งต่อปี และฝากและรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้ง และมียอดเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปต่อปีว่าต้องส่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบเพื่อประโยชน์ในการเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง โดยตั้งเป้าเก็บภาษีจากผู้ค้าออนไลน์ มีผลังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา

ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสพูดคุยกับกลุ่มผู้ค้าออนไลน์ทั้งรายใหญ่ และรายย่อย ซึ่งต่างมีความเห็นที่แตกต่างกัน ในส่วนของผู้ค้าออนไลน์รายใหญ่ที่มีการจดทะเบียนการค้าแล้ว บอกว่าส่วนตัวมองว่าการเก็บภาษีจากกลุ่มคนขายของออนไลน์เป็นเรื่องดี และเชื่อว่าบุคคลที่มีรายได้ทุกคน รวมถึงผู้ค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ก็น่าจะอยากจ่ายภาษีเพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหาขณะนี้ อยู่ที่ไม่มีใครมาให้ความรู้กับผู้ค้าออนไลน์ในเรื่องการทำบัญชีและจัดการเรื่องภาษี ทำให้หลายๆคนยังไม่เข้าใจ

เช่นเดียวกับน.ส.เพ็ญนภา นิลทอง วัย 33 ปี ที่เป็นแม่บ้าน แต่ทำงานอดิเรกเป็นแม่ค้าออนไลน์ รับว่า หลังทราบข่าวดังกล่าวรู้สึกตกใจที่ประกาศและบังคับใช้ทันที ทั้งที่ในคราวแรกระบุว่าจะเริ่มต้นบังคับใช้ปี 2563 ส่วนตัวกังวลเนื่องจากไม่เคยทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพราะไ่ม่มีความรู้ ประกอบกับมองว่าหากพิจารณาเพียงจำนวนครั้งหรือยอดตัวเลขก็รู้สึกว่าไม่ค่อยยุติธรรมกับผู้ค้าออนไลน์ เพราะตัวเลขที่ระบุในบัญชีธนาคารไม่ได้หมายความว่าเป็นรายรับหรือกำไรทั้งหมด เพราะต้องนำเงินไปหมุนเป็นทุนต่อยอด และหักค่าใช้จ่ายอีกด้วย

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนที่ซื้อของผ่านออนไลน์ ถึงเรื่องดังกล่่าว เนื่องจากในการประกาศระบุว่าตรวจสอบจากการรับโอนเงินผ่านบัญชี นั่นอาจหมายถึงว่าบรรดาขาช็อปออนไลน์ที่มีจำนวนครั้งโอนถึงยอดตามที่กำหนด อาจต้องเสียภาษีด้วย

อย่างน.ส.ชลิตา กาษาวัตร์ วัย 24 ปี พร้อมเพื่อนที่บอกว่าหากมีแนวโน้มอาจถูกเรียกเก็บภาษีจริง ก็กังวลและคงไม่ซื้อสินค้าผ่านออนไลน์อีก แต่จะไปซื้อตามหน้าร้านดีกว่า

เช่นเดียวกับนักเรียนวัย16 ปี ทั้ง 2 คน ที่ก็บอกว่า เห็นแม่ค้าออนไลน์ที่ตนเคยสั่งซื้อสินค้าโพสต์ผ่านโซเชียลถึงกรณีดังกล่าว และมองว่าหากลูกค้าต้องเสียภาษีเพราะจำนวนครั้งในการโอนเงินถึงยอดที่ระบุนั้น ก็มองว่าไม่สมควร