นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ชี้แจงโซเชียลแชร์ภาพ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อ้างคุยจัดตั้งรัฐบาล โดยยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง ระบุ แค่นั่งรอดีเบตร่วมกับแกนนำหลายพรรค

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำภาพขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ที่เป็นแคนดิเดตเป็นนายกรัฐมนตรี ยกเว้นพรรคพลังประชารัฐ มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

หลังโลกโซเชียลแชร์รูปภาพดังกล่าว พร้อมข้อความทำให้ให้เข้าใจว่า เป็นการหารือจับมือกันเพื่อร่วมรัฐบาล

นายองอาจ ชี้แจงว่า ขณะนี้มีความพยายามใช้สื่อบิดเบือนข้อมูล สร้างความสับสนบน ซึ่งภาพดังกล่าวมีการส่งต่อๆกันไปทั้งทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และมีข้อความทำนองว่าพรรคประขาธิปัตย์ จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคอื่น นั้น เป็นข้อมูลเท็จ

เพราะข้อเท็จจริง ภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่นายอภิสิทธิ์ นั่งสนทนากับหัวหน้าพรรคการเมืองหลายคนระหว่างรอออกรายการดีเบตที่สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ไม่ใช่นั่งคุยจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด

นายองอาจ กล่าว ขณะนี้มีความพยายามแบ่งฝ่ายบีบให้ประชาชนเลือกข้างระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับ ฝ่ายเผด็จการ ซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่เป็นการเอาประชาธิปไตยมาบังหน้าเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง

ตนคิดว่าเวลานี้มี 3 ทางเลือกคือ ฝ่ายนายทักษิณ ชินวัตร ฝ่ายพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และฝ่ายประชาชนเท่านั้น ซึ่งพรรคไม่ต้องการบีบบังคับให้เลือกข้าง เพราะไม่ต้องการเห็นการเมืองแบบเผชิญหน้า หรือเปลี่ยนสนามเลือกตั้งมาเป็นสนามรบ แต่ต้องการเห็นบ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้า

ส่วนอีกภาพที่ปล่อนผ่านเฟซบุ๊กเป็นภาพขณะที่พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั่งกินกาแฟ กับ นายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษาฯ

โดยมีคำบรรยายใต้ภาพ "เบิกงบกาแฟแก้วละ 12,000 บาท" และมีหัวข้อความว่า " ป้อมแจงงบจิบกาแฟข้างทาง 12,000 บาท โต้ของดีนำเข้าต้องแพงลั่นคนจนหมดสิทธิ์ลอง"

เรื่องนี้ พลเอก ประวิตร ตอบคำถามนักข่าวว่า “แล้วเชื่อกันหรือไม่ ถ้าไม่เชื่อก็จบ ซึ่งภาพที่เอามาลงก็เป็นภาพเก่า ขณะนี้ได้แจ้งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)ไปตรวจสอบหาที่มา และผู้กระทำความผิดเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสียหาย

โดยเมื่อวานนี้ ฝ่ายกฎหมายคสช.เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเว็บไซตที่เผยแพร่ข่าวเท็จดังกล่าวแล้ว ในข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อการรักษาความมั่นคงของประเทศและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนตามพรบคอมพิวเตอร์