ตัวแทนองค์กรชาวพุทธ ยื่นกกต.ให้ตรวจสอบการขึ้นป้ายเสียงของนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป หลังใช้พระพุทธเจ้ามาหาเสียงเลือกตั้ง ชี้ไม่เหมาะสมดึงศาสนาเกี่ยวการเมือง

ตัวแทนศูนย์ประสานงานองค์กรชาวพุทธแห่งชาติ นำโดยนายเอกภพ เหล่าลาภะ เลขาธิการฯ ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำความผิด และตัดสิทธิ์เลือกตั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป รวมถึงยุบพรรคประชาชนปฏิรูป 

จากกรณีใช้คำว่า "น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาทุกข์ร้อนให้ประชาชน คืองานของพรรคประชาชนปฏิรูป" ในป้ายโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศ ทำให้องค์กรชาวพุทธไม่สบายใจ 

เพราะการนำพระพุทธศาสนา หนึ่งในสามของสถาบันมาใช้หาเสียงเลือกตั้ง อาจขัดแย้งต่อบทบัญญัติของกฎหมายหลายฉบับ อาจก่อให้เกิดความไม่สงบความแตกแยกขึ้นในสังคม 

เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายอันใหญ่หลวงต่อพระพุทธศาสนาและพระสงฆ์โดยรวม จึงขอให้ตรวจสอบพรรคประชาชนปฏิรูปว่า กระทำผิดหรือไม่ หากพบว่า ผิดจริงจะต้องตัดสิทธิ์ทางการเมืองกับนายไพบูลย์ และร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคการเมืองนี้ 

ส่วนในโลกโซเชียลได้แชร์ภาพป้ายหาเสียง นายทองใบ เสริฐสอน อายุ 50 ปี ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมพลังประชาชาติไทย เบอร์ 3 จ.นนทบุรี เขต 4 และอดีต สจ.นนทบุรี เจ้าของสโลแกน "หวยแดกแลกไข" 

โดยป้ายหาเสียงได้ขึ้นข้อความว่า "ผลงานที่ผ่านมา อุ้มหมาไปหาหมอ เพื่อฉีดวัดซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า" ติดทั่วพื้นที่ เขต4 จ.นนทบุรี จนมีคนวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก มีทั้งชมและติ 

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบนายทองใบ เจ้าของป้ายหาเสียง นายทองใบ บอกว่า ภาพที่ตนอุ้มหมาไปหาหมอ เป็นผลงานที่ตนทำมาตลอดหลายปี ซึ่งตนจะลงพื้นที่ออกฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า แต่ความจริงแล้วชื่อโครงการไม่ใช่"อุ้มหมาไปหาหมอ"แต่ ความจริงเป็นการ"อุ้มหมอไปหาหมา" คือ พาหมอไปฉีดวัคซีนให้หมาถึงที่บ้าน 

เพราะบางบ้านไม่มียานพาหนะ หรือ บางคนเป็นคนสูงอายุ พาหมาไปหาหมอไม่ไหว ซึ่งเป็นผลงานที่ตนทำให้กับชุมชนมาโดยตลอด 

นอกจากใช้วิธีขึ้นป้ายหาเสียงแล้ว นายทองใบ ยังใช้การถีบสามล้อปั่น ปั่นรถจักรยาน และขับรถตุ๊กๆ พร้อมเครื่องเสียงออกตระเวนหาเสียงในพื้นที่เขต 4ด้วย จนกลายเป็นสีสันในการหาเสียงเลือกตั้งของจังหวัดนนทบุรี 

ข้ามไปดู นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยนโยบาย “มารดาประชารัฐ” อนาคตเด็กไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนโยบายอนาคตของเด็กไทย 

สำหรับนโยบายมารดาประชารัฐ จะดูแลตั้งแต่คุณแม่ฝากครรภ์ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเดือนละ 3,000 บาท เป็นเวลา 9 เดือน รวมสูงสุด 27,000 บาท ค่าคลอด 10,000 บาท โดยพ่อสามารถลาไปเลี้ยงลูกได้ ทั้งก่อน และหลังคลอดไม่เกิน 30วัน 

หลังจากนั้น จะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กอีกเดือนละ 2,000 บาท ตั้งแต่เกิดจนมีอายุครบ 6 ปี เป็นจำนวนเงินรวมสูงสุด 144,000 บาท รวมตั้งแต่ตั้งครรภ์จนเติบโตอายุถึง 6 ขวบ จะเป็นเงิน 181,000 บาทต่อเด็ก 1 คน 

ถือเป็นการลงทุนให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เด็กไทยเป็นอนาคตและเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป 

ขณะเดียวกัน นายอุตตม ยังกล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการยื่นบัญชีนายกฯของพรรค พปชร.ผิดขั้นตอนตามข้อบังคับของพรรคว่า พรรคไม่มีความกังวลใดๆ เพราะฝ่ายกฎหมายได้ดำเนินการถูกต้องทุกขั้นตอน ยืนยันว่าไม่มีการกระทำที่ขัดต่อระเบียบและกฎหมาย 

ขณะนี้พรรคกำลังหารือและดูข้อกฎหมายว่า พลเอกประยุทธ์ จะสามารถช่วยพรรคหาเสียงได้หรือไม่ เพราะอยากให้ พลเอก ประยุทธ์ มีส่วนกับพรรค แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ซึ่งตอนนี้กระแสของพรรคถือว่า ดีวันดีคืน 

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ ตลาดสำโรง และ บริเวณตลาดราชา และตลาดปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อช่วย ด็อกเตอร์ กวีฉัฏฐ ศีลปพิพัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 และ น.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 3 หาเสียง 

พร้อมกับพบปะพี่น้องชาวสมุทรปราการ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและเป็นสิริมงคลแก่ลูกพรรค ก่อนจะมีการเลือกตั้ง โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนมาให้การต้อนรับ มอบดอกไม้ และขอถ่ายรูปกับนายอภิสิทธิ์จำนวนมาก 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี ยืนยันว่า ตนเองตั้งใจทำงาน พร้อมเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง อยากให้พี่น้องชาวสมุทรปราการเดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวสมุทรปราการดีขึ้นต่อไป

ตัวแทนชาวพุทธยื่น กกต.สอบ "ไพบูลย์" ใช้พระพุทธเจ้าหาเสียงเลือกตั้ง