กรมควบคุมมลพิษ เผยแนวโน้มอากาศเริ่มดีขึ้น หลังหน่วยงานต่างๆ ดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ด้าน นายกรัฐมนตรี ย้ำเร่งแก้ปัญหาเต็มที่ ชี้หากไม่ได้ผลอาจยกระดับมาตรการแรงขึ้น

กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 เวลา 15.00 น. วันที่ 31 มกราคม ผลการตรวจวัดปริมาณ PM 2.5 พบมีพื้นที่ที่ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน (50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) แบ่งเป็นพื้นที่ริมถนนจำนวน 23 สถานี และ พื้นที่ทั่วไป จำนวน 16 สถานี โดยรวมมีค่าลดลงเกือบทุกพื้นที่ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลา 07.00 น. และ 12.00 น.

คาดการณ์ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้ (1 ก.พ.) ปริมาณ PM 2.5 มีแนวโน้มลดลง อีกทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ดำเนินมาตรการในการบรรเทาสถานการณ์อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง อาทิ การประกาศปิดโรงเรียน และ สถานศึกษาต่างๆ ซึ่งส่งผลให้การจราจรคล่องตัวและลดแหล่งกำเนิดมลพิษ การตรวจจับควันดำอย่างเข้มข้นโดยความร่วมมือของ บก.จร. กรมการขนส่งทางบก และ กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองลดลง 

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (31 ม.ค.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสั่งปิดโรงเรียน เพราะเด็กมีภูมิต้านทานต่ำ ไม่เหมือนผู้ใหญ่ ซึ่งตนเอง ทนมาถึงวันนี้ 65 ปีแล้ว แค่นี้ก็เก่งแล้ว เพราะฉะนั้นเด็กต้องดูแลเขาก่อน ดู 2 วัน จะได้เรื่องไหม เพราะต้องการให้เด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำ ปลอดภัย 

นายกรัฐมนตรี บอกด้วยว่า หากจะแก้ปัญหาวิกฤตฝุ่นละออง ถ้าแก้โครมเดียวจะเดือดร้อนกันทั้งหมด รัฐบาลจึงค่อยๆ แก้ โดยส่วนที่หนักที่สุด คือยานพาหนะเกือบทั้งหมด เป็นการเผาไหม้จากเครื่องยนต์ มีเสนอมาให้ยกเลิกรถที่วิ่งแล้ว 10 ปี ถามว่า แล้วใครขับรถแค่ 3 ปีบ้าง เพราะคนมีหลากหลายอาชีพ หลากหลายระดับ และ จะมีใครยอมไหม ถ้าจะไม่ใช้รถทั้งหมด

ในฐานะเป็นรัฐบาล จะประกาศหรือสั่งอะไรไป ก็ต้องระมัดระวังมากที่สุด แต่ทุกอย่างกฎหมายปกติมีอยู่แล้ว วันนี้ ต้องทำกฎหมายปกติให้เข้มงวดขึ้น ถ้ายังไม่ลด เดี๋ยวต้องใช้มาตรการที่ 3 และ 4 ขณะนี้เราทำมาตรการ 1 กับ 2 อยู่ เดี๋ยวถ้ามีมาตรการที่ 3-4 ขึ้นมา จะยิ่งกว่านี้ ถ้ายังแก้ไขไม่ได้ 

ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ห้ามโดยสารรถคนเดียว และ จะกำหนดการขับรถวันคู่วันคี่นั้น เป็นแนวทางที่นายกรัฐมนตรีพูดออกมาเนื่องจากมีการบังคับใช้ในต่างประเทศ 

แต่สำหรับประเทศไทย ยังไม่บังคับใช้ หากประชาชนร่วมกันปฏิบัติตามกฎกติกาที่มีอยู่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ปล่อยควันดำออกมา ควบคู่ไปกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ก็ไม่จำเป็นต้องนำแนวทางดังกล่าวมาใช้ เพราะถือเป็นยาแรงที่หลายประเทศใช้ 

สำหรับการเสนอให้ข้าราชการทำงานที่บ้านนั้น เนื่องจากหลายคนเห็นว่า ข้าราชการเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่จะต้องเดินทางมาทำงานนอกบ้าน จึงเสนอว่า งานบางอย่างสามารถทำงานที่บ้านได้ ซึ่งก็รับฟังไว้ แต่ยังไม่ได้กำหนดเป็นมาตรการ เนื่องจากต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเป็นปัญหาที่ประทบต่อคนทุกคน 

ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ ธนาคารกสิกรไทย ได้ประกาศแนวทางการดูแลพนักงานในภาวะฝุ่นในอากาศสูง โดยให้พนักงานที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หรือมีโรคประจำตัว ที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงภาวะฝุ่น หรือจำเป็นต้องดูแลบุตรที่ไม่สามารถไปเรียนตามปกติได้ เป็นผลมาจากการประกาศหยุดเรียนของสถานศึกษา สามารถแจ้งความประสงค์ต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อขออนุญาตปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักอาศัยในระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2562 

เช่นเดียวกับธนาคารกรุงไทย ที่ได้ประกาศแนวทางดูแลพนักงานในภาวะฝุ่น โดยธนาคารอนุมัติให้พนักงานที่มีความเสี่ยง ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตามพื้นที่ ที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน บริเวณกรุงเทพฯและ ปริมณฑล เช่น พนักงานที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หรือ มีโรคประจำตัวที่ต้องหลีกเลี่ยง สามารถหยุดงานได้ โดยไม่ถือเป็นวันลา 

อย่างไรก็ตามธนาคารกรุงไทยได้ระบุว่า การอนุญาตลาของพนักงานต้องพิจารณาแล้ว เห็นว่า ไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของธนาคาร หรือ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจธนาคาร และ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของพนักงาน เป็นผู้พิจารณา โดยกำหนดให้การลาดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 8 กุมภาพันธ์ 2562

นายกฯแจงปิด รร.ห่วงเด็กภูมิต้านทานต่ำ-ลั่นไม่ได้ผลยกระดับ