กระทรวงแรงงาน เตรียมนัดประชุมบอร์ดค่าจ้าง 3 ฝ่ายในวันนี้ (10ม.ค.) เพื่อหาข้อสรุปการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ด้านขสมก.เตรียมเสนอปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์อีก 2 บาท เพื่อสะท้อนราคาที่แท้จริง คาดได้ข้อสรุป 19 ม.ค.นี้

ขสมก.เตรียมเสนอปรับขึ้นค่ารถเมล์อีก 2 บาท

นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก.มีแผนปรับฐานราคาค่ารถโดยสารสาธารณะ (รถเมล์) ตามแผนฟื้นฟูองค์กร โดยจะเสนอปรับราคาเพิ่มขึ้น 2 บาท จากเดิมราคา 6 บาท 50 สตางค์ เป็น 8 บาท 5 สตางค์ ถึง 9 บาท หรือ คิดเป็น 30%

ปัจจุบันบริการรถเมล์ ขสมก.ได้มาตรฐานและมีคุณภาพไม่แพ้รถร่วมบริการ ที่คิดค่าโดยสาร 9 บาท ดังนั้นจึงต้องทยอยปรับค่าโดยสารให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพื่อทำให้องค์กรเกิดสภาพคล่องดีขึ้นภายใน 3-5 ปี ขณะที่รถเมล์ปรับอากาศ ยูโรทู สีเหลืองส้มจะปรับราคาจาก 11-23 บาท เป็น 13-25 บาท

โดยจะเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.เข้าสู่ที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ หากได้รับความเห็นชอบจะเสนอไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ซึ่งจะสามารถปรับค่าโดยสารได้ ภายในปีนี้

รมว.แรงงานคาดได้ข้อสรุปปรับค่าจ้างขั้นต่ำวันนี้

ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้กับแรงงานทั่วประเทศนั้น พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ (10 ม.ค.) จะมีการประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่จะประชุมร่วมกับคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ในวันที่ 10 มกราคมนี้ที่กระทรวงแรงงานเพื่อพิจารณา เรื่องดังกล่าว เพื่อให้มีข้อสรุปออกมา

ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดูแลแรงงานให้ดี เชื่อว่า เรื่องการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ จะมีความชัดเจนหลังการประชุมดังกล่าว โดยขอยืนยันว่า มีแนวโน้มที่ดี

ปลัดแรงงานยันปรับขึ้นค่าจ้างปีนี้แน่ ปัดข่าวปรับขึ้น 15 บาท

ด้าน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง กล่าวว่า หากการประชุมในวันนี้ (10ม.ค.) คณะกรรมการมาประชุมครบทุกคนก็จะสรุปเคาะอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2561 ได้อย่างแน่นอน หลังจากได้ข้อสรุปแล้วจะนำเสนอเข้าที่ประชุมครม. เห็นชอบ และ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ต่อไป

ส่วนที่มีข่าวว่า จะปรับขึ้นค่าจ้าง 15 บาท นั้น นายจรินทร์ บอกว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงกระแสข่าว เพราะอาจจะปรับขึ้นมากหรือน้อย กว่านี้ก็ได้ ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยยืนยันว่า จะปรับขึ้นค่าจ้างในปีนี้อย่างแน่นอน แต่ต้องทำให้เกิดความสมดุลทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ต้องอยู่ได้

หลังจากมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศ ในปี 56 แล้ว หลังจากนั้นตั้งแต่ปี 57-59 ไม่มีการปรับขึ้นมา 3 ปี เพิ่งจะปรับขึ้นในปีที่ผ่านมา ทำให้ค่าจ้างขั้่นต่ำในปัจุบัน สูงสุดอยู่ที่ 310 บาท

นายกฯ สั่งขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำต้องรอบคอบ

ขณะที่ พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม. นายกฯสั่งการให้กระทรวงแรงงานพิจารณาการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำให้รอบคอบ ไม่ต้องการให้เดือดร้อน เพราะหากขึ้นค่าแรงพร้อมกันทั้งประเทศจะเป็นปัญหาตามมา ภายหลังได้ และสั่งให้ดูแลราคาสินค้าอย่างเข้มงวด ห้ามขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุผลช่วงนี้เด็ดขาดถ้าพบว่า ขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุผล จะต้องดำเนินการตามกฎหมายเต็มที่