บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เผยวันที่ 16 ก.ย. นี้ เตรียมปรับขึ้นก๊าซเอ็นจีวี 51 สตางค์ต่อกิโลกรัม เพื่อลดการขาดทุนของบริษัทปตท. หลังปีที่ผ่านมาขาดทุนกว่า 5 พันล้านบาท

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 ก.ย. เตรียมปรับขึ้นค่าก๊าซธรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ครั้งเดียว 51 สตางค์ จากปัจจุบันราคา 13 บาท 19 สตางค์ ต่อกิโลกรัม เป็น 13 บาท 70 สตางค์บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามราคาที่คณะกรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบให้ปรับขึ้นต้นทุนค่าใช้จ่ายการปรับปรุงคุณภาพก๊าซเข้าไปอยู่ในโครงสร้างต้นทุนราคาเอ็นจีวีได้ 45 สตางค์ต่อกิโลกรัม รวมกับราคาเนื้อก๊าซธรมชาติ ที่ปรับสูงขึ้นอีก

ส่วนรถสาธารณะ ยังจำหน่ายที่ราคาอุดหนุน 10 บาทต่อกิโลกรัมต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าค่าโดยสารสาธารณะ โดยการปรับขึ้นราคาครั้งนี้แม้ว่า จะไม่สูงเท่ากับราคาที่ปตท.เสนอไป แต่ก็เป็นเรื่องดี ที่ทำให้ปตท.ขาดทุนลดลงจากปีที่ผ่านมา ซึ่งขาดทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท จึงอยากให้สังคมเข้าใจปตท. ที่ต้องแบกรับภาระขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ที่ประชุมกบง. ได้เห็นชอบให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) คิดค่าปรับปรุงคุณภาพได้นั้น เนื่องจากต้องการให้สะท้อนข้อเท็จจริงกับสถานกาณ์ปัจุบัน โดยว่าจ้างสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้ามาสำรวจและคำนวนต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งปตท.เสนอขอปรับขึ้นราคาสูงถึง 1 บาท 54 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยคำนวณราคาต่างๆ เช่น ค่าปรับปรุงคุณภาพ 46 สตางค์ต่อกิโลกรัม ค่าบริการ 33 สตางต์ต่อกิโลกรัม และค่าสูญเสียในการขนส่ง 16 สตางค์ต่อกิโลกรัม

แต่กบง.เห็นว่า ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ปตท.ควรบริหารต้นทุนเอง จึงอนุมัติให้ปรับเฉพาะค่าปรับปรุงคุณภาพเนื้อก๊าซเท่านั้น