กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอให้ครม.พิจารณาอัตราจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มผสมน้ำตาล โดยอิงตามระดับความหวาน 5 ระดับ เผยเครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม มีระดับความหวานสูงสุด พร้อมระบุมีเวลาให้ผู้ประกอบการปรับตัว 2 ปี คาดเริ่มเก็บภาษีใหม่ปี 63

นายสมชาย พูนสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเสนอ กฎหมายลูกตามพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ว่า กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติกฎกระทรวงเกี่ยวข้องกับการกำหนดตัวเลขพิกัดอัตราภาษีที่กรมสรรพสามิตจะใช้เก็บจริงสำหรับรายการสินค้าทั่วไป เช่น รถยนต์ และ เครื่องดื่ม ในวันนี้ (15 ส.ค.) ก่อนจะประกาศให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

ส่วนพิกัดอัตราภาษีในหมวดรายการสินค้าที่มีความอ่อนไหว เช่น เหล้า และ บุหรี่นั้น จะยังไม่เสนอให้ ครม. พิจารณาในครั้งนี้ แต่จะรอเสนออีกครั้งในช่วงที่ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตใหม่ใกล้จะมีผลบังคับใช้ คือ วันที่ 16 ก.ย.นี้

สำหรับวัตถุประสงค์ของการกำหนดตัวเลขพิกัดอัตราภาษีสำหรับสินค้าทั่วไป เนื่องจากผู้ประกอบการเรียกร้องให้กำหนดพิกัด อัตราภาษีใหม่ที่ชัดเจน เพื่อใช้ในการคำนวณต้นทุนและวางแผนการดำเนินธุรกิจ

 โดยการกำหนดพิกัดอัตราภาษีเครื่องดื่ม จะอิงตามค่าระดับความหวานใน 5 ระดับ คือ เริ่มตั้งแต่ 0-6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ไม่ต้องเสียภาษี เกิน 6-8 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษีที่ 10 สตางค์ เกิน 8-10 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 30 สตางค์ เกิน 10-14 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 50 สตางค์ เกิน 14-18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาท และตั้งแต่ 18 กรัมขึ้นไป เสียภาษีที่ 1 บาท

สำหรับเครื่องดื่มที่มีค่าความหวานเกิน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร จะอยู่ในกลุ่ม เครื่องดื่มชูกำลัง ส่วนเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าภาษีที่ใหญ่สุด จะมีค่าความหวานอยู่ที่ระดับเกินกว่า 10-14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร

ส่วนระยะเวลาการเริ่มจัดเก็บภาษีตามอัตราใหม่ กรมสรรพสามิต จะกำหนดให้ เริ่มเก็บจริงหลังกฎหมายได้มีผลบังคับใช้แล้ว 2 ปี เพื่อ ให้เวลาเอกชนในการปรับตัว

โดยหากผู้ผลิตต้องเสียภาษีในอัตราที่น้อยลง ก็ต้องลดปริมาณน้ำตาลลงมา เพื่อให้ เกณฑ์ความหวานลดต่ำลง แต่หากไม่ลดปริมาณน้ำตาล จะมีทางออกอีกทางหนึ่ง ก็คือ การผลักภาระไป ให้แก่ผู้บริโภคโดยการปรับขึ้นราคา เพื่อชดเชยต้นทุนภาษีที่สูงขึ้น

อธิบดีกรมสรรพากร ยังแสดงความเป็นห่วงต่อกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และเครื่องดื่มที่ช่วยเหลือภาคการเกษตร เช่น เครื่องดื่มพืชผัก-ผลไม้ ซึ่งมีทั้งสิ้น 111 รายการตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตใหม่ ที่ก่อนการออกกฎหมายใหม่จะเป็นกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต แต่หากฎหมายใหม่บังคับใช้ จะทำให้ต้องเริ่มแบกรับภาษีค่าความหวานตามกฎหมายใหม่ด้วย

คลังเตรียมชงครม.ขึ้นภาษี"เครื่องดื่มชูกำลัง-น้ำอัดลม"