พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุ ผู้ต้องหาคดีอาวุธสงคราม ที่ จ.สระแก้ว ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสร้างสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขณะที่ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ เป็นผู้ว่าจ้างนำอาวุธเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสระแก้ว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ สภ.เมืองสระแก้ว ได้จับกุมผู้ต้องหาลักลอบนำอาวุธสงครามจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 5 คน

ประกอบด้วย นายพงพนา ไชยคง อายุ 38 ปี นายบุญธรรม ชัยชะนะ อายุ 52 ปี นายคมสัน กิจถาวรอาชีพ อายุ 30 ปี นายอุทัย ชัยชะนะ อายุ 48 ปี และนายมีชัย กลั่นประสมอายุ 44 ปี พร้อมตรวจยึดของกลาง เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 82 มิลลิเมตร จำนวน 2 กระบอก เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 81มิลลิเมตร จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดขนาด 82มิลลิเมตรจำนวน 3 ลูก และชนวนลูกระเบิด 3 ชุด

นอกจากนี้ยังยึดรถตู้สาธารณะสาย ต.39-133 มีนบุรี-รังสิต หมายเลขทะเบียน 14-2037 กทม. โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ปั้มน้ำมันบนถนน 359 หมู่ 7 ตำบลสระขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าอาวุธวงครามทั้งหมดนำมาจากฝั่งประเทศกัมพูชาก่อนที่จะนำขึ้นรถมาตามทางหมู่บ้านป้ายเขียว ตำบลทัพพริก อำเภออรัญประเทศ

อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนพบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 1 คนซึ่งอยู่ทางภาคเหนือโดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตามจับกุมมาดำเนินคดี

ความคืบคดี ช่วงเย็นวานนี้ (21 ก.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม พลตำรวจโทศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค1 และ ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เดินทางมารอรับมอบตัวนายพัชระ ใจเที่ยง อายุ 26 ปี ผู้ต้องตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ในข้อหา “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งถูกตำรวจ สภ.ขุนยอม จับกุมตัวได้เมื่อช่วงเช้ามืดวานนี้ (21 ก.ค.) ภายในพื้นที่ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮองสอน

พลตำรวจเอกศรีวรรห์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการขยายผลจับกุมผู้ต้องหา 5 ราย พร้อมอาวุธสงครามที่ จ.สระแก้ว จากการสืบสวนพบว่านายพัชระเป็นคนสั่งซื้อและผู้ว่างจ้างในการลำเลียงอาวุธสงครามที่ถูกตรวจยึด ทั้งนี้ การสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้ยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวแต่อย่างใดแต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนและศาลได้อนุมัติหมายจับแล้ว

พลตำรวจเอกศรีวรรห์ กล่าวต่อว่า เครือข่ายขนอาวุธสงครามนี้จากการสืบสวนยังพบอีกว่าเคยลำเลียงอาวุธสงครามเข้าในประเทศไทยแล้วครั้งนึงซึ่งขณะนี้กำลังติดตามจับกุมและตรวจยึดของกลางอยู่โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งขยายผลการจับครั้งนี้อีกเพื่อหาผู้บงการและผู้ร่วมเครือข่ายที่อาจยังหลงเหลืออยู่

"พล.ต.อ.ศรีวราห์" รับมอบผู้ต้องหาคดีค้าอาวุธ จ.สระแก้ว