ที่ประชุม สนช.เห็นชอบกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ วางโครงสร้างนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ผบ.เหล่าทัพเป็นกรรมการ เร่งจัดทำให้เสร็จ 120 วัน คาด บังคับใช้เดือนสิงหาคมนี้ พร้อมผ่านกฎหมายปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน นับถอยหลัง สปท.พ้นตำแหน่ง

สนช.ผ่านร่างกม.ยุทธศาสตร์-พ.ร.บ.ปฏิรูปฯ

วานนี้ (22 มิ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว เป็นการพิจารณาในวาระ 2 และ วาระ 3

สำหรับสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือการกำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ประธานสภาผู้แทนราษฎร  ประธานวุฒิสภา  รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่นายกฯมอบหมาย  ปลัดกระทรวงกลาโหม  ผู้บัญชาการเหล่าทัพ  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรี แต่งตั้งอีกไม่เกิน 17 คนโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีหน้าที่และอำนาจในการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี เสนอความเห็นต่อรัฐสภา  คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ กำกับดูแลการปฏิรูปประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ

สำหรับกระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินั้นมาตรา 16 กำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติขึ้นคณะหนึ่งหรือหลายคณะ เพื่อพิจารณาจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติในด้านต่างๆ

ส่วนมาตรา 28 บัญญัติให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ จัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเบื้องต้น ให้เสร็จใน 120 วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และส่งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ ภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยที่ประชุม สนช.มีมติเอกฉันท์ 218 คะแนน งดออกเสียง 3 คะแนน เห็นชอบให้ร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ได้รับการประกาศใช้เป็นกฎหมาย ต่อไป

ต่อมา ที่ประชุม สนช. ได้มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ การกำหนดให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน คือ

 1. การเมือง

2. การบริหารราชการแผ่นดิน

3. กฎหมาย

4. กระบวนการยุติธรรม

5. การศึกษา

6. เศรษฐกิจ

7. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

8. สาธารณสุข

9. สื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ

10. สังคม และ

11. ด้านอื่นตามที่ ครม.กำหนด

แต่ละคณะจะมีกรรมการ ไม่เกิน 13 คน วาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี แต่งตั้งจากผู้ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือ มีประสบการณ์ในด้านที่จะทำ และคำนึงถึงความหลากหลาย ให้คณะกรรมการปฏิรูปแต่ละด้านต้องทำให้เสร็จภายใน 90 วัน แล้วเสนอให้ที่ประชุมร่วมกันของคณะกรรมการปฏิรูปทุกคณะพิจารณา

นอกจากนี้ ต้องเสนอให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อพิจารณาว่าร่างแผนการปฏิรูปประเทศสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับร่างแผนการปฏิรูปประเทศ ก่อนเสนอให้ ครม.เห็นชอบต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุม สนช.มีมติเอกฉันท์ 216 คะแนน เห็นชอบให้ร่าง พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ได้รับการประกาศใช้เป็นกฎหมาย โดยตามขั้นตอน นายกรัฐมนตรีจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม และเมื่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะมีผลให้สมาชิก สปท.ต้องพ้นจากตำแหน่งตามที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กำหนด

"หน.ปชป." ชี้พรบ.ยุทธศาสตร์ชาติ เพิ่มภาระให้รัฐบาลอนาคต - ทำงานยากขึ้น

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลัง ร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ผ่านความเห็นชอบจาก สนช. ว่า น่าเสียดายที่กฎหมายยุทธศาสตร์ชาติได้วางหลักการแนวทางปฏิบัติที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมน้อย ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกฎหมายมากขึ้น โดยจำกัดแค่ให้ สนช. หรือ ส.ว. ในอนาคต พิจารณาให้ความเห็นชอบแทนที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาด้วย ทั้งนี้มองว่าการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เป็นการเพิ่มภาระให้กับรัฐบาลในอนาคต ทำให้มีการทำงานที่ยุ่งยากมากขึ้น

สนช.ผ่านร่างกฎหมายยุทธศาสตร์-พ.ร.บ.ปฏิรูปฯ