ตำรวจคุมผู้ต้องหา ฆ่าเปลือยเด็กหญิงวัย 11 ปี ทำแผนฯ ชาวบ้านตะโกนสาปแช่ง หวิดถูกรุมประชาทัณฑ์ พ่อเผยผู้ต้องหาเป็นเพื่อนที่ทำงาน ไม่คิดจะก่อเหตุเช่นนี้

ชาวบ้านตะโกนสาปแช่งชายวัย 57 ปี ที่ถูกตำรวจภูธรปลวกแดงคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีฆ่าเปลือยเด็กหญิงวัย 11 ปี ซึ่งมีความพิการปากแหว่งเพดานโหว่ และเป็นนักเรียนชั้นป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง หลังศาลออกหมายจับเนื่องจากมีพยานและวงจรปิดยืนยันว่าเด็กหญิงอยู่กับผู้ต้องหาเป็นคนสุดท้าย

ซึ่งระหว่างการทำแผนมีประชาชนมารอดูจำนวนมาก และต่างตะโกนด่าทอ ขว้างก้อนหิน ขวดน้ำ และกรูล้อมรถ ทำให้การทำแผนค่อนข้างทุลักทุเล และเจ้าหน้าที่ต้องคุ้มกันแน่นหนา เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะถูกรุมประชาทัณฑ์

โดยจุดที่ทำแผนเริ่มตั้งแต่ผู้ต้องหาขี่รถมารับเด็กหญิงจากบริเวณโรงเรียน ไปถึงบริเวณพงหญ้าหลังแคมป์คนงานก่อสร้างห่างจากบ้านเด็กประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่ลงมือทำร้ายเด็กหญิงจนเสียชีวิต

ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาอ้างว่า ขับรถไปรับเด็กหญิงจริง แต่เด็กเกิดตกรถคอหักเสียชีวิต ทำให้กลัวความผิด จึงนำศพเด็กไปทิ้งโดยไม่ได้ข่มขืน ส่วนสาเหตุที่ต้องถอดเสื้อผ้าออกเพราะไม่ให้คนจำได้ว่าเด็กเป็นใคร

แต่ล่าสุดตำรวจแถลงระบุ ผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่า ตั้งใจลวงเด็กไปข่มขืน แต่เด็กไม่ยินยอมและพยายามหลบหนีจึงทำได้เพียงอนาจาร ก่อนจะลงมือบีบคอและจับกดน้ำจนเสียชีวิต

คำสารภาพดังกล่าวก็สอดคล้องกับผลชันสูตรของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ที่พบโคลนในปอดเด็ก แต่ไม่พบร่องรอยการข่มขืน

ขณะที่พ่อของเด็กหญิง ที่เดินทางมาพร้อมกับแม่เด็กเพื่อฟังผลชันสูตร เล่าว่า รู้จักกับผู้ต้องหากว่า 1 เดือน เพราะทำงานก่อสร้างด้วยกัน แต่ไม่ได้มีพฤติกรรมน่าสงสัย และเป็นคนธรรมะธัมโม แต่เป็นคนดื่มสุรา และที่ผ่านมา ก็เคยไปรับเด็กหญิงจากโรงเรียน 2 ครั้ง

ซึ่งวันเกิดเหตุผู้ต้องหาอ้างว่าเมา และยังฝากลางานด้วย ไม่คิดว่าจะทำร้ายลูกของตนได้ลงคอ ซึ่งหากมีโอกาสก็ต้องการจะถามว่า ทำไมถึงทำกับครอบครัวของตนแบบนี้

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน หลังเด็กหญิงได้หายตัวไปหลังเลิกโรงเรียน โดยมีพยานเป็นผู้ปกครองเห็นเด็กนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันหนึ่งไป ซึ่งการตรวจสอบพบภาพวงจรปิดเห็นรูปพรรณผู้ก่อเหตุ จนทราบว่าเป็นใคร และมีการคุมตัวมาสอบสวน จนทราบว่าได้นำศพเด็กไปทิ้งแต่ไม่บอกจุดที่ทิ้ง

ทำให้ครอบครัวและเจ้าหน้าที่กว่า 100 คน ต้องระดมกำลังค้นหา ตั้งแต่ช่วงเย็นวาน โดยผู้เป็นแม่ต้องพึ่งวิธีทางไสยศาสตร์ด้วยการลอยหมอนเปิดทางให้พบศพตามความเชื่อ กระทั่งพบศพเวลาประมาณ 21.30 น.