การตรวจสอบทรัพย์สินในวัดวังตะวันตก จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังเหตุฆ่าสามเณรปลื้มยังดำเนินต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการงัดกุฎิตรวจสอบวัตถุโบราณล้ำค่า ซึ่งพบว่า มีบางส่วนที่ยังหาไม่เจอ ขณะที่ตำรวจเข้าค้นบ้านที่ผู้ต้องหาฆ่าสามเณรปลื้มเคยเข้าออก

ตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในซอยอัศวรักษ์ 2 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง ซึ่งเป็นบ้านอีกหลัง ที่นางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล และสามี คือ นายเด่นชัย ภูมินิยม ผู้ต้องหาฆ่าสามเณรปลื้มเข้าออก และมาพักเป็นครั้งคราว โดยพบว่า มีลูกชายของนางสาวปิยฉัตรอาศัยอยู่

การตรวจค้นพบ บัญชีธนาคารของบุตรชายนางสาวปิยฉัตร / เอกสารทางการเงินอื่นๆ รวมทั้งใบอนุโมทนาบัตรจำนวนมากที่ยังไม่ได้ใช้งาน ซึ่งมีช่องลงนามรับเงินโดยนายเด่นชัย เจ้าหน้าที่จึงได้นำมาตรวจสอบ

ส่วนความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีนั้น เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งสืบสวนเชื่อมโยงบัญชี และเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่า มีเป็นจำนวนมาก และยังคงเร่งติดตามตัวนายคิง อายุ 17 ปี ที่ยังหลบหนี หลังร่วมก่อเหตุฆ่าฝังสามเณรปลื้ม

ขณะที่เมื่อช่วงสายวันนี้ พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก จังหวัดนครศรีธรรมราช นำตำรวจและหลายหน่วยงาน เข้าตัดกุญแจทางขึ้นกุฏิชั้นสองของอดีตเจ้าอาวาส ที่เป็นสถานที่สำหรับเก็บทรัพย์สินของวัด เพื่อตรวจสอบข้อสงสัยของชาวบ้านว่า ถูก 2 ใน 4 คน ผู้ต้องหาคดีฆ่าสามเณรปลื้มคือ นายเด่นชัย ภูมินิยม และนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล ภรรยา ยักยอกถ่ายเทไปแล้วหรือไม่

ซึ่งการตรวจสอบบนชั้นสองของกุฏิ เจ้าหน้าที่ได้กันสื่อมวลชนบางส่วนไม่ให้ขึ้นไป มีรายงานว่า บนชั้นของมีทั้งหมด 3 ห้องด้วยกัน / ห้องแรกเป็นห้องเก็บพระพุทธรูป ซึ่งมีนกนางแอ่นอาศัยอยู่ด้วย / ห้องที่สองเก็บคัมภีร์ใบลาน และห้องที่สามเก็บเครื่องลายคราม

เบื้องต้น พบว่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่ยังอยู่ครบ โดยเฉพาะพระพุทธรูปเก่าแก่ของวัด คือพระพุทธสิหิงค์ปี 2517 / พระปางอุ้มบาตร รวมถึงงาช้างแกะสลักศิลปะแบบจีนอายุหลายร้อยปี และที่ตะบันหมากของพระครูกาชาดอดีตพระเถราจารย์รูปสำคัญ ของเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อกว่า 100 ปี โดยมีการเปรียบเทียบกับภาพถ่ายเก่า

ขณะที่ศิษย์เก่าแก่ของวัด ระบุว่า ภาพของพระลากเก่าแก่เนื้อเงินแท้นั้น ไม่ปรากฏว่า มีสังวาลย์ประดับอยู่ ซึ่งยังต้องหาต่อไปว่า สร้อยสังวาลย์ยังอยู่หรือไม่ และยังให้ข้อมูลอีกว่า ก่อนที่นางสาวปิยฉัตร จะเข้ามาจัดการวัดทั้งหมด วัดมีเงินสะสมอยู่หลายบัญชี รวมราว 40 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันนั้น เงินจำนวนนี้ไม่เหลืออยู่แล้ว

ส่วนทรัพย์สินอื่น จะต้องหาสมุดบันทึกของวัดมาตรวจสอบจำนวนอีกครั้ง โดยจากนี้ ทางวัดจะให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เข้ามาขึ้นทะเบียนวัตถุโบราณ และอาจทำเป็นพิพิธภัณฑ์

ค้นอีกบ้านผู้ต้องหาฆ่าสามเณรปลื้ม-เร่งตรวจวัตถุโบราณล้ำค่าในวัด