"รัฐบาล" เผย "ร้านประชารัฐสุขใจ" ได้รับความนิยมต่อเนื่อง ตั้งเป้าปีนี้สร้างยอดขาย 50 ล้านบาท เตรียมแผนยกระดับธุรกิจผ่านระบบ อี-คอมเมิร์ซ พร้อมกับชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชน ฯ กรณี "ร้านประชารัฐสุขใจ" บางแห่งถูกปล่อยร้าง

พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินโครงการประชารัฐเพื่อวิสาหกิจชุมชน หรือร้านประชารัฐสุขใจ 148 แห่งทั่วประเทศ มาตั้งแต่เดือน เมษายน 2559 เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าโอท็อปของชุมชน และให้บริการข้อมูลการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ซึ่งพบว่าได้รับความสนใจจากประชาชนจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นกว่า 18 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้ เพียง 5 เดือน มียอดจำหน่ายรวมแล้วกว่า 12ล้านบาท โดยตั้งเป้าทั้งปีสร้างรายได้ 50 ล้านบาท

ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวร้านประชารัฐสุขใจใน กทม.ถูกปล่อยทิ้งโดยไม่เปิดจำหน่ายสินค้านั้น พลโทสรรเสริญ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า คน กทม.มีทางเลือกในการจับจ่ายซื้อสินค้ามากกว่าในต่างจังหวัด ทำให้บางร้านมียอดจำหน่ายน้อย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการย้ายไปยังปริมณฑล และต่างจังหวัดแทน เช่น จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม และสระบุรี รวมทั้งมีแผนจะยกระดับธุรกิจของร้านทั้งหมด โดยนำระบบขายหน้าร้าน มาช่วยในการเก็บข้อมูลการขายและการจ่ายเงิน และผลักดันสินค้าให้เข้าระบบ อี-คอมเมิร์ซ ( E-commerce ) เพื่อให้ประชาชนสามารถสั่งซื้อสินค้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกันพิจารณาแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน และชี้แจงทำความเข้าใจข้อเท็จจริงแก่สังคมอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังได้เชิญชวนประชาชนช่วยกันสนับสนุนสินค้าไทย โดยเฉพาะผลไม้ที่มีคุณภาพดีซึ่งมีปริมาณมากในขณะนี้ด้วย

รัฐบาลตั้งเป้าดันยอดขาย “สินค้าโอท็อป” ปีนี้ 50 ล้าน