กรรมการสิทธิฯ ชี้ "เอกชนและราชการ" ควรเปิดโอกาสให้บุคคลพ้นโทษให้ประกอบอาชีพ ขณะที่ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ ชี้ ราชทัณฑ์เตรียมเปลี่ยนชื่อจาก "เรือนจำ-สถานพินิจ" เป็น "สถานศึกษา-สถานฝึกกีฬา" ด้วย

นักศึกษาจากหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ สถาบันการสร้างชาติ ได้ร่วมกันจัดเสวนาเรื่อง "คืนโอกาสทางสังคม สร้างอาชีพให้ผู้ต้องโทษ ถึงเวลาแล้วหรือยัง" เพื่อแสวงหารายละเอียดเกี่ยวกับการคืนโอกาสและอาชีพให้กับผู้ที่เคยต้องโทษในเรือนจำ โดยมี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตัวแทนจากกรมราชฑัณณ์ และ นักวิชาการจำนวนมาก เข้าร่วมการเสวนา

นายชาติชาย สุทธิกลม กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ที่ติดคุกซ้ำไปซ้ำมา จะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติด ซึ่งในกรณีที่เป็นเยาวชนที่อายุไม่เกิน 18 ปีที่เคยต้องโทษ กฎหมายได้บังคับให้มีการลบประวัติออก หลังพ้นโทษแล้วโดยทางสถานพินิจฯ จะต้องแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการลบประวัติการกระทำความผิดออก

แต่บางครั้งทั้งเจ้าตัว พ่อแม่ หรือเจ้าหน้าที่ ได้ส่งเรื่องไปแล้วแต่เกิดตกหล่นตกหาย จึงกลายเป็นปัญหาทำให้เด็กและเยาวชนถูกกีดกันจากระบบงาน ซึ่งกรรมการสิทธิฯ เองก็เคยได้รับคำร้องเรื่องนี้มาเป็นระยะๆ

ส่วนกรณีของผู้ใหญ่ ขอให้คิดว่า ผู้ต้องโทษอาจจะไม่ได้เป็นคนผิดโดยกมลสันดาน การสร้างข้อจำกัดในการประกอบอาชีพ จึงถือว่าไม่เป็นธรรม ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2560 เองก็ยอมรับเรื่องการประกอบอาชีพโดยไม่มีข้อจำกัด ยกเว้นเพียงบางกรณีเท่านั้น

โดยการให้โอกาสกับผู้ต้องโทษ คืน สู่สังคมปกติ สังคมจะต้องลบมายาคติที่มีอยู่ก่อน โดยเฉพาะระบบราชการเอง ไม่ใช่แค่บริษัทเอกชนเท่านั้น ที่กีดกันบุคคลพ้นโทษให้เข้าไปทำงานตามระบบที่ควรจะเป็น

ด้าน นายอุทัย ทัพอาสา ผู้อำนวยการทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง คลอง 6 จังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมราชทัณฑ์กำลังพยายามที่จะปรับเปลี่ยนชื่อของสถานพินิจฯ และเรือนจำ ให้ดูเข้ากับสภาพสังคมปัจจุบัน ไม่ให้ดูเป็นสถานที่ต้องห้ามหรือดูอันตราย จนทำให้ภาพลักษณ์ของนักโทษหรือเรือนจำดูย่ำแย่

เช่น ที่ทัณฑสถานวัยหนุ่ม จะเปลี่ยนไปใช้ชื่อว่า สถานฝึกสอนกีฬา คลอง 6 เพื่อที่เมื่อเวลาเยาวชนที่ถูกกักกันออกไปจัดกิจกรรมภายนอก ก็จะทำให้ภาพของพวกเขาดูดีขึ้น และ เป็นกำลังใจให้กับเด็กและเยาวชนที่เคยพลาดพลั้งกระทำผิด ให้มีกำลังใจมากขึ้นด้วย

เช่นเดียวกับเรือนจำของผู้ใหญ่กว่าร้อยแห่งทั่วประเทศ ก็จะมีการปรับเปลี่ยนชื่อเช่นกัน โดยคำว่า "เรือนจำ" อาจจะใช้คำว่า "สถานศึกษา" แทน **อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการคิดชื่อใหม่ และเสนอเพื่อแก้กฎกระทรวงต่อไปในเร็ววันนี้

กรรมการสิทธิฯวอน