ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนคุก 6 ปี " ปิยะ จุลกิตติพันธ์ " หมิ่นเบื้องสูง เขียนข้อความบนพระบรมฉายาลักษณ์ โพสต์เฟสบุ๊กเมื่อปี 2556

วันที่ 27 เม.ย.60 เวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.747/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายปิยะ จุลกิตติพันธ์ หรือนายพงศธร บันทอน อดีตโบรกเกอร์ อายุ 50 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (3)(5)

ตามฟ้องโจทก์ วันที่ 6 มี.ค.58 บรรยายพฤติการณ์ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค. - 28 พ.ย.56 เวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้โพสข้อความ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 2 ข้อความ บนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จำนวน 2 ภาพ ในบัญชีเฟซบุ๊กของจำเลย ที่ใช้ชื่อว่า นายพงศธร บันทอน (SIAMAID) โดยเจตนาทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพสักการะ เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. , ต.สำโรงกลาง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ , อ.เมือง จ.นครปฐม , อ.เมือง จ.น่าน และที่นอกราชอาณาจักร เกี่ยวพันกัน โดยจำเลย ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ม.ค.59 เห็นว่า โจทก์มีพนักงานสอบสวน เบิกความรับฟังได้ว่า จำเลยเปิดใช้เฟซบุ๊กชื่อ นายพงศธร บันทอน (SIAMAID) ส่วนที่จำเลยอ้างว่าได้แจ้งให้กูเกิ้ล ลบข้อความแล้วแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีพยานอื่นมานำสืบและการแจ้งนั้นกลับเป็นช่วงหลังเกิดเหตุ 1 ปี พยานหลักฐานของจำเลยจึงมีน้ำหนักน้อยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ จำเลยจึงมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา14(3)(5) ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักสุดตามมาตรา 112 ให้จำคุก 9 ปี แต่คำให้การให้ชั้นสอบสวนและพิจารณาเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้างจึงลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 6 ปี

ต่อมา นายปิยะ จำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยระหว่างนี้ไม่ได้รับการประกัน ซึ่งจำเลยถูกขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยวันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามผลคำพิพากษาศาลชั้นต้น