สุดสลด!ครอบครัวพ่อวัย58ปีป่วยโรคเรื้อนถูกสังคมรังเกียจ ต้องพาเมียลูกวัย8ขวบ หนีมาอยู่ป่าช้า ท้ายหมู่บ้านนานกว่า 5 ปี ทุกวันนี้ยังเป็นตราบาปถูกสังคมซ้ำเติม เมื่อลูกชายไปโรงเรียนโดนเพื่อนๆล้อว่าพ่อเป็นโรคร้ายจนทนไม่ไหวต้องวิ่งหนีออกจากโรงเรียนกลับมาบ้า

วันที่ 25 มี.ค.2560 เรื่องราวสุดสลดถูกเปิดเผยจากชาวบ้านรายหนึ่ง ในต.บ้านเต่า อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ แจ้งว่า พบครอบครัวหนึ่งมีชีวิตอยู่อย่างน่าสงสารมาก ที่ต้องพาครอบครัวตัวเอง 3 คนพ่อแม่ และลูกชาย ที่ปัจจุบันวัยเพียง 8 ขวบ อีกคน หนีออกจากหมู่บ้านมาอาศัยในป่าช้าท้ายหมู่บ้าน โดยผู้เป็นพ่อวัย58ปีรายนี้ป่วยเป็นโรคเรื้อน และภรรยามีอาชีพรับจ้างรายวันทั่วไป ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวแทน และมีบุตรชายด้วยกันอีกคนวัย 8ขวบ ที่ในปัจจุบันต้องพากันออกมาอาศัยนอนกระท่อมบ้านไม้มุงสังกะสีครึ่งปูนชั้นเดียวสภาพเก่าๆทรุดโทรม หลังคามีรูรั่วยามฝนตกก็มีน้ำหยดลงมาเต็มบ้าน รวมทั้งห้องน้ำไม่ถูกสุขลักษณะไม่มีน้ำประปาใช้ อาศัยน้ำฝนดื่มกินอาบน้ำในบ่อหลังบ้านที่มีสีขุ่นและมีกลิ่นใช้อาบน้ำ-ซักผ้าล้างจาน อยู่ในป่าช้าเก่าของหมู่บ้านใกล้กับโรงเรียนบ้านวังหิน หมู่ 4 ต.บ้านเต่า อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ

นายไชยยงค์ นามชาลี วัย 58 ปี รายนี้ สวมใส่เสื้อและกางเกงขายาวปกปิดผิวหนังตนเองอย่างมิดชิด เปิดเผยว่า ตนเองป่วยเป็นโรคเรื้อนแพ้แสงแดดรุนแรง เกาจนผิวหนังหลุดแข็งเป็นก้อนแข็งไปทั่วตัว พอจะออกจากบ้านต้องสวมหมวกใส่เสื้อผ้าปิดบังตัวเองมิดชิด เพราะกลัวเพื่อนบ้านรังเกียจ โดยมีนางถาวร อายุ 50 ปี ภรรยาและเด็กชายบี นามสมุติ วัย 8 ขวบ นั่งดูแลพ่อของตนเองอยู่ไม่ห่าง

นายไชยยงค์ เปิดเผยอีกว่า ป่วยด้วยโรคดังกล่าวมานานกว่า 5 ปีแล้ว จึงตัดสินใจ เห็นสังคมคนในหมู่บ้านแสดงท่าทางรังเกียจ จึงพาครอบครัวหลบมาอาศัยห่างออกมาจากหมู่บ้าน สร้างบ้านเป็นกระท่อมพอได้อาศัยอยู่ จากนั้นจึงพยายามไปพบหมอที่โรงพยาบาลอำเภอบ้านแท่น และต้องหาเงินซื้อยามาทาบรรเทาอาการคันนานกว่า 5 ปี แล้ว โดยเฉพาะที่ข้อมือทั้งสองข้างที่เกาจนเป็นแผลติดกันจนนิ้วงอไม่ได้ พอแสบ ก็เปลี่ยนที่เกาไปเรื่อยๆ เวลาเกาก็จะมีสะเก็ดแผลและผิวหนังหลุดร่วงลงมาเต็มพื้น แผลที่เกาก็มีเลือดไหลมาตลอด

จนหนักเข้าเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอาการหนักจึงไปหาหมอ หมอให้ยามากินและทาก็ไม่ทุเลา แต่กลับลามมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งคันมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะเวลากลางคืนทรมานจนแทบไม่ได้นอน ต้องให้ภรรยา ช่วยเกาจนกว่าจะหลับบางครั้งขนาดเกาจนเลือดออกก็ไม่รู้สึกเจ็บ แต่คันมากกว่า จนเป็นที่รังเกียจของชาวบ้านไปทั่ว เวลาจะออกจากบ้านไปวัดในหมู่บ้าน หรือไปทำธุระนอกบ้าน ต้องใส่เสื้อผ้า ถุงมือ ถุงเท้า ใส่หมวก เพื่อไม่ให้ใครเห็น และไม่อยากให้ใครเห็นแล้วแสดงความรังเกียจ จนไปกระทบกับสภาพจิตใจบุตรชายวัย 8 ขวบในปัจจุบันที่ไปโรงเรียนแล้วคนจะรังเกียจได้อีก และปัจจุบันตนก็ไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมารักษาตนเองได้ เพราะมีรายได้จากเพียงเงินผู้สูงอายุเดือนละ 800 บาทเท่านั้น โดยมีภรรยารับจ้างรายทั่วไปเป็นเสาหลักของครอบครัวในขณะนี้เท่านั้น แต่บางวันก็ไม่มีคนจ้างงานก็ไม่มีรายได้อะไรมาเพิ่มได้ รวมทั้งบุตรชายอายุ 8 ปี อีก1คนที่กำลังเรียนอยู่ชั้นป.2ที่โรงเรียนบ้านวังหิน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่พักอาศัยในป่าช้าประจำหมู่บ้าน

นายไชยยงค์ กล่าวย้ำอีกว่า ตนเองรู้สึกสงสารลูกชายเป็นอย่างมากด้วย ที่ต้องมาโดนเพื่อนๆที่โรงเรียนล้อจนร้องไห้หนีกลับบ้านมาบ่อยครั้ง และไม่อยากให้ใครมารังกียจลูกชายตนเองอีกเลย เพราะเขาไม่ได้เป็นโรคร้ายแต่อย่างใดด้วยเลย แค่นี้พวกเราต้องพากันนอนร้องไห้ไปด้วยกัน3คน ด้วยกันทุกคืน และสงสารลูกมากที่มักบอกว่า มักจะโดนเพื่อนๆที่โรงเรียนล้อเป็นประจำว่าพ่อเป็นโรคร้ายและไม่ค่อยมีเพื่อนคนไหนมาเล่นและพูดคุยด้วย น้องก็บ่นว่าไม่เคยได้เล่นเกมส์เหมือนเพื่อนๆทั่วไปและบอกว่าอยากเล่นเกมส์กับเพื่อนมากที่เขาเล่นกันทั่วไปมาก ซึ่งตนมีเพียงเจ้าตูบหมาที่บ้านเท่านั้นที่เป็นเพื่อนเล่นให้กับลูกได้ในทุกวันนี้

อย่างไรก็ตามล่าสุด ทางด้านนายเจริญ ชำนาญพล กำนันตำบลบ้านเต่า ได้ทราบเรื่องนี้และได้พยายามประสานสาธารณสุขอำเภอและประสานไปทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลฯแล้วและจะได้เร่งหาทางช่วยเหลือครอบครัวพ่อเฒ่าที่ป่วยเป็นโรคผิวหนังรุนแรงร้ายนี้เบื้องต้นแล้ว เพื่อทำความเข้าใจต่อประชาชนในหมู่บ้านที่อาจจะเข้าใจผิดและแสดงความรังเกียจต่อครอบครัวนี้จนนำมาสู่ปัญหาสังคมกระทบต่อจิตใจน้อง8ขวบ ของผู้ป่วยในขณะนี้ด้วยอีกทาง และเพื่อที่จะช่วยหาแนวทางมาช่วยรักษาให้ถูกต้องอย่างถูกวิธีต่อไป

 

Cr.สุทธิพงศ์/ชัยภูมิ