ชายวัย 60 ปี ผูกคอตาย หลังปีนขึ้นไปบนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ประท้วงให้ยกเลิก ม.44 ขณะที่ นายกฯ กล่าวแสดงความเสียใจ เตือนสติอย่าใช้ศรัทธาผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือปกป้องคนทำผิด

ชายวัย 60 ปีได้ แอบปีนเสาส่งสัญญานโทรศัพท์ ความสูงประมาณ 30 เมตร ที่อยู่บริเวณด้านหลังตลาดกลางคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พร้อมเขียนป้ายข้อความว่าขู่ฆ่าตัวตายหากไม่มีการยกเลิก ม.44

โดยในที่เกิดเหตุ พระภิกษุสงฆ์ สามเณรรวมทั้งศิษย์วัดพระธรรมกาย พยายามเกลี่ยกล่อม และ ยืนมุงจำนวนมาก พระวัดพระธรรมกายรูปหนึ่ง พยายามเจรจาแต่ไม่เป็นผล ได้เปิดเผยว่าลุงคนดังกล่าวไม่น่าใช่ศิษย์วัดพระธรรมกายที่เดินทางมาร่วมสวดมนต์

ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้ใช้เบาะลมกลางป้องกันหากมีการกระโดดทำร้ายตัวเอง พร้อมให้พระภิกษุสงฆ์พยายามเกลี้ยกล่อมผ่านไมค์โครโฟน เพื่อให้ชายคนดังกล่าวยอมลงจากเสาส่งสัญญาณแต่ยังไม่เป็นผล

กระทั่งเวลา 21.00 น. ชายดังกล่าวได้ปืนลงมา ทุกคนต่างให้กำลังใจคิดว่าน่าจะยอมลงมาสู่พื้นดิน แต่ไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะชายดังกล่าว ได้ใช้เชือกผูกคอตนเองกับเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ กู้ภัยต้องปีนขึ้นไปช่วยอย่างทุลักทุเล

ทราบชื่อต่อมา คือ นายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ 64 ปี อยู่เขตคลองสามวา กรุงเทพ ยังไม่มีผู้ใดติดต่อเป็นญาติ หน่วยกู้ภัย ได้นำร่างส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อรอญาติรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป

 

พระสงฆ์-ศิษย์ธรรมกายฌาปณกิจ-แผ่เมตตาให้ม.44

ย้อนไปเหตุการณ์ชุมนุมของพรสงฆ์และลูกศิษย์วัดพระธรรมกายก่อนหน้านี้  ที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พระจากพื้นที่ภาคใต้ ได้นำพวกหรีดและดอกไม้จันทน์ ทำการฌาปนกิจ ให้กับ ม.44 ที่ประกาศให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ พร้อมได้ทำการแผ่เมตตาให้คสช.

ขณะที่ ตัวแทนพระสงฆ์เครือข่ายอริยะขัดขืน ซึ่งระบุว่า การใช้ม.44 ทำให้ประชาชนเดือดร้อนถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการนำเสบียงอาหารไปมอบให้พระสงฆ์ และศิษยานุศิษย์ในวัดพระธรรมกาย ผ่านทหาร จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า เสบียงอาหาร ถึงมือผู้ที่อยู่ในวัดหรือไม่

และในวันนี้(26ก.พ.) จะทอดผ้าป่ายารักษาโรค ยืนยันว่า จะนำยาไปมอบให้พระสงฆ์ และศิษยานุศิษย์ที่ป่วยอยู่ในวัดพระธรรมกาย โดยจะขอส่งตัวแทนนำยาไปมอบให้ถึงมือผู้ที่อยู่ด้านใน แต่ยืนยันว่า จะไม่มีการเคลื่อนขบวนไปปะทะกับเจ้าหน้าที่ แต่จะเคลื่อนขบวนเพื่อเข้าไปในวัดพระธรรมกายเท่านั้น

 

ชาวบ้านคลองสามกว่า 100 คนร้องยกเลิกม.44

ส่วนที่บริเวณทางเข้าประตู 5-6 วัดพระธรรมกายชาวบ้าน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีกว่า 100 คน ได้เดินถือป้ายประชันหน้ากับ เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน ที่ตั้งแนวอยู่ที่บริเวณจุดคัดกรอง เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ยกเลิกม.44 โดยอ้างว่า เดือดร้อนในการเข้าออกการเดินทางไปสถานพยาบาล และการค้าขาย

แต่เมื่อไม่ได้รับคำตอบ ชาวบ้าน พากันเดินถือป้ายยกเลิก ม.44 ไปที่บริเวณทางเข้าประตู7 ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 800 เมตร และ เกิดการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน

ต่อมาตัวแทนชาวบ้าน ได้ไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ขณะที่ชาวบ้านประมาณ 100 คนต่างก้มกราบเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว เพื่อให้เจ้าหน้าที่เห็นใจ ยอมยกเลิกใช้ ม.44 ในเขตต.คลองสาม

ชาวบ้านคนหนึ่ง บอกว่า ตั้งแต่มีการปิดถนน ไม่อนุญาตให้นำรถสัญจรผ่านไปมาได้ ทำให้ต้องหยุดขายของ และยังต้องจ่ายเงินค่ารถจักรยานยนต์เพื่อจะไปส่งลูกไปโรงเรียนที่อยู่คลองสี่ รวมถึงเด็กๆที่ยังเรียนหนังสือต้องใช้สัญญานอินเตอร์เน็ตในการทำรายงาน ก็ไม่สามารถทำได้ จะติดต่อสื่อสารกับลูกก็ยากขึ้น จึงอยากขอร้องให้เจ้าหน้าที่ช่วยผ่อนปรนการปิดถนน รวมถึงเปิดสัญญาณโทรศัพท์

ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ระบุว่า จะนำเรื่องที่ร้องเรียนไปเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาต่อไป

 

ธรรมกายโต้ 'ธัมมชโย' ไม่มีมือถือ

 ด้าน พระสนิทวงศ์วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ได้ปฏิเสธ กรณีที่ เอสไอตรวจพบสัญญาณมือถือ พระธัมมชโย ติดต่อไปที่โรงพยาบาลย่านพระราม9 โดย กล่าวว่า พระธัมมชโย ไม่มีโทรศัพท์มือถือส่วนตัว และที่สำคัญ ไม่มีประวัติการติดต่อกับทางโรงพยาบาลย่านพระราม 9

ส่วนเรื่องตู้คอนเทรนเนอร์ที่บริเวณประตุ 15 ยืนยันว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่วัดนำมาปิด แต่เป็นทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและขอให้ยกเลิกการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือในเขตพื้นที่ควบคุม

 

ดีเอสไอ ยันค้นวัดธรรมกายอยู่ในอำนาจม.44

ด้าน พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้กล่าวถึงกรณีพบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของพระธัมมชโย โทรออกไปหาคนสนิทนั้น จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าพระธัมมชโย และบุคคลใกล้ชิดจะไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ โดยจะให้เจ้าหน้าที่หาพิกัดพบแน่นอน

ส่วน กรณีปฏิบัติการเข้าค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมพระธัมมชโย ว่า ตลอด 9 วันที่ผ่านมา 2 วันแรกสามารถเข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายได้ แต่เป็นการตรวจค้นเฉพาะบางจุดที่ทางวัดยินยอมเท่านั้น เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นเหมือนการพาเจ้าหน้าที่เข้าเยี่ยมชมภายในวัดเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจค้นเพราะ ทางวัดอ้างเหตุผลต่างๆ ไม่ให้เข้าค้นบางจุด จึงจำเป็นต้องปิดพื้นที่เพื่อเข้าตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้ง

และยืนยันว่าการค้นวัดพระธรรมกาย ยังอยู่ในอำนาจตามหมายค้น แต่หากหมายค้นหมดอายุเจ้าหน้าที่ก็ยังสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 44 เข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายได้ แต่ที่ดีเอสไอขอหมายค้น เพราะต้องการให้โปร่งใส และเกรงว่าจะมีการปะทะกัน จากนี้จึงขอวิงวอนวัดอย่าใช้มวลชนเป็นตัวประกันและที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้น

พันตำรวจตรีวรณัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา อธิบดีดีเอสไอ มีคำสั่งเรียกพระสงฆ์14 รูป และ บุคคล 7 คน ประกอบด้วย เจ้าของตลาดกลางคลองหลวง นักการเมืองท้องถิ่น 6 ราย ในส่วนของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐได้เข้ารายงานตัวแล้ว ส่วนพระสงฆ์มารายงานตัวเพียงรูปเดียว คือพระมหานพพร บุญญชโย ซึ่งภายหลังเหตุการณ์สงบบุคคลที่ขัดขืนคำสั่งจะต้องถูกดำเนินคดีรวมทั้งพระสงฆ์ 13 รูป เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้ว จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ทุกรายด้วย พร้อมขอให้มวลชนออกจากวัด

เจ้าหน้าที่พร้อมดูแลวัดให้ และเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีมวลชนอยู่ภายในวัดเพื่อดูแล เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นห่วง กำชับไม่ให้ปฏิบัติการรุนแรง ย้ำว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีอาวุธ แต่ที่ผ่านมาในการตรวจค้นกลับพบว่าอาวุธมาจากกลุ่มมวลชนโดยมีทั้งมีดและอาวุธปืน

ส่วนกรณีมีภาพบุคคลสวมเสื้อดีเอสไอเข้ารื้อกล้องวงจรปิดและขับรถชนประตู 1 นั้น เบื้องต้นตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง โดยเห็นว่าหากเป็นเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการดังกล่าวจริงเชื่อว่าจะไม่สวมใส่เครื่องแบบ

 

นายกฯเสียใจเหตุผูกคอตาย เตือนสติอย่าใช้ศรัทธาเป็นเครื่องมือ

ด้าน พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต จากเหตุผูกคอตาย

นายกฯ ระบุว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดเช่นนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการเจรจา และเตรียมการช่วยเหลือ แต่ไม่อาจป้องกันได้เพราะเกิดเหตุสุดวิสัย พร้อมกันนี้ได้อยากให้สติแก่สังคม โดยเฉพาะผู้ที่สนับสนุนวัดพระธรรมกาย

ทั้งพระสงฆ์และศิษยานุศิษย์ว่าไม่ควรปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และไม่ควรใช้ศรัทธาความเชื่อมั่นของผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือปกป้องผู้กระทำผิดเพียงไม่กี่คน

และสุดกลับออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกศิษย์ รวมทั้งขอเรียกร้องว่าไม่ควรกล่าวโทษคำสั่งตามมาตรา 44 ว่าเป็นสาเหตุเพราะที่ผ่านมาผู้กระทำผิดไม่ยอมรับกฎหมาย แต่กลับแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่นและใช้กฎหมู่หลบหนีความผิด ส่วนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองนั้นจำเป็นต้องทำตามกฎหมาย หากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่

 

รัฐบาลแจงย้าย ผอ.สำนักพุทธฯเพื่อประสิทธิภาพการบริหาร

นอกจากนี้ พลโทสรรเสริญ ได้ กล่าวถึงกรณีที่หัวหน้า คสช. ออกคำสั่ง ให้นายพนม ศรศิลป์ พ้นจากตําแหน่ง ผอ.สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้พันตำรวจพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้บังคับการสำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ มาดำรงตำแหน่งแทนว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นไปเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงานของ

สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่ต้องดำเนินงานสนองงานคณะสงฆ์และรัฐ ทำนุบำรุงส่งเสริมและพัฒนากิจการพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อปกป้องคุ้มครองไม่ให้พระศาสนาเกิดความมัวหมอง และประสานประโยชน์กับทุกฝ่ายนำไปสู่การปฏิรูปอย่างยั่งยืน

ส่วนข้อวิจารณ์เรื่องคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งใหม่ว่าไม่เคยมีประสบการณ์ด้านงานศาสนามาก่อนนั้น โดยปกติผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของหน่วยงานจะสรรหาจากผู้ที่มีวิสัยทัศน์ด้านการบริหารและเคยเป็นผู้นำหน่วย ส่วนรายละเอียดในการปฏิบัติงานนั้นยังมีรองผู้อำนวยการ หัวหน้าหน่วยระดับกลาง และหน่วยงานในระดับจังหวัดที่ร่วมกันขับเคลื่อนให้งานบรรลุผลสำเร็จ

ศิษย์ธรรมกายวัย 60 ปีผูกคอตายบนเสาโทรศัพท์